RECENT POST
N-C-01<br>Expired::
N-C-02<br>Expired::
N-C-03<br>Expired::
Motorcycle Idol : Burt Munro
By HDP PR3
DATE: 2015.03.26
VIEW: 2176
POST: 0
แบ่งปัน   Like

 

 

ll MOTORCYCLE IDOL ll

BURT MUNRO 

 

Burt Munro เจ้าของสถิติ motorcycle land-speed ปี 1960 ชาวนิวซีแลนด์ พกพาความฝันที่จะสร้างชื่อเสียงอีกครั้งด้วย Indian Scount รถ home-built ปี 1920 ไปเยือนถิ่น Bonneville Salt Flats ที่ Utah  เขาเก็บหอมรอมริบเตรียมตัวออกทริปสู่อเมริกา กระทั่งปี 1962 ถึงแม้ปัญหาสุขภาพจะรุมเร้า อุปสรรคมากมายจะกีดขวาง ซ้ำยังเกิดอุบัติเหตุท่อไอเสียโดนขาจนไหม้พลุพลองแต่ในที่สุด Munro วัย 63 ปี ก็ทำสำเร็จจนได้ ปี 1967 Munro จารึกสถิติของเขาอีกครั้งด้วย Indian ทรงปราดเปรียวเพีบวลม โดยทำความเร็วได้ถึง 295.4 กม./ชม. ซึ่งถูกยกให้เป็นสถิติโลกในรุ่น streamlined motorcycle ต่ำกว่า 1,000 ซีซีเลยทีเดียว นอกจากนี่ในรอบควอลิฟายเขายังทำความเร็วทางตรงได้ถึง 306.8 กม./ชม. ซึ่งถูกบันทึกให้เป็นความเร็วสูงสุดของ Indian เท่าที่เคยมีมาเลยทีเดียว

เรื่องราวชีวิตของ Munro ถูกสร้างเป็นภาพยนต์ "The World's Fastest Indian" ในปี 2005 กำกับโดย Roger Donaldson และได้ Anthony Hopkins เป็นนักแสดงนำ ซึ่งได้กระแสการตอบรับจากแวดวงสองล้อเป็นอย่างดีและถูกยกย่องว่าเป็นภาพยนต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ดีที่สุดต่อจากภาพยนต์ในตำนาน "On Any Sunday" ที่ออกฉายในปี 1970

 

 

 

  

 

    

Munro เกิดที่เมือง Invercargill ประเทศ New Zealand ในปี 1899 Munro เริ่มหัดขี่มอเตอร์ไซค์ครั้งแรกเมื่ออายุ 15 ปี รถคันแรกของเขาเป็นสองล้อสัญชาติอังกฤษนามว่า 'Clyno' จากนั้นในปี 1920 Munro ได้ตัดสินใจขาย Clyno ให้กับช่างคนหนึ่งและถอย Indian Scout เป็นคู่ใจคันใหม่ โดยภายหลัง Munro ใช้เวลาดัดแปลงเจ้า Scout คันนี้เกือบทั้งชีวิตของเขาเลยทีเดียว นอกจากนี้ Munro ยังถอย Velocette ปี 1936 เพื่อนำมาดัดแปลงเป็นรถสนามแข่งอีกด้วย

ในช่วงปี 1920 Munro เริ่มตระเวนเข้าร่วมแข่งขันในรายการต่างๆทั่วออสเตรเลีย ไม่ว่าจะเป็น hillclimb, trial, road racing, drag racing, flat track หรือ scramble ที่ไหนมีรายการชิงแชมป์ ที่นั่นก็มักจะพบ Munro เข้าร่วมแข่งขันเสมอ นอกจากนี้เขายังเคยสร้างสถิติในรายการสุดยอดสองล้อประหยัดน้ำมันอีกด้วย โดยสถิติที่เขาทำได้คือ 116 กม./น้ำมัน 1แกลลอน

อย่างไรก็ตามชีวิตก็ไม่ได้ราบรื่นเสมอไป เมื่อปี 1940 Munro แยกทางกับภรรยาสุดที่รักของ ด้วยเหตุนี้จึงต้องลากกระเป๋าออกมาสร้างบ้านเล็กๆเป็นของตัวเอง Munro ต้องการออกแบบให้บ้านมีเพดานที่ต่ำเพื่อรับมือกับอากาศที่ร้อนจัดในช่วงฤดูร้อนของ New Zealand แต่ด้วยกฎระเบียบการปลูกสร้างอาคารบ้านเรือนส่วนท้องถิ่น ทำให้การสร้างบ้านในแบบดังกล่าวไม่ได้รับการอนุญาต Munro จึงเลี่ยงปัญหาดังกล่าวโดยสร้างโรงจอดรถทรงเตี้ยแทน และภายหลังโรงจอดรถนี้เองได้กลายเป็นสำนักดัดแปลงรถรวมถึงเป็นที่นอนขนาดย่อมๆของ Munro ไปตลอดทั้งชีวิต

 

 

 

 

Munro เกษียณอายุจากการทำงานในปี 1940 ทำให้เวลาทั้งชีวิตที่เหลือของเขาจึงทุ่มเทให้กับโปรเจคการดัดแปลงรถแข่ง Indian scout และ Velocette ช่วงเวลานี้เองที่เขาพยายามคิดค้นอะไหล่สองล้อเป็นของตัวเองด้วย และในที่สุดเขาก็ค้นพบทรัพยากรล้ำค่าดังกล่าว ยกตัวอย่างเช่น Munro ใช้เวลากว่า 5 เดือนในการแปลงเพลาของรถบรรทุก ยี่ห้อ Ford ใส่ Indian โดยเพลาดังกล่าวมีโครงสร้างที่แข็งแรงและช่วยให้รถมความเร็วเพิ่มมากขึ้น มีความทนทานใช้งานได้ยาวนานถึง 20 ปีเลยทีเดียว นอกจากนี้เขายังลองผิดลองถูก ใช้เหล็กจากท่อก๊าซเก่ามาหลอมกับเศษเหล็กอื่นๆเป็นลูกสูบในแบบฉบับของเขาเองอีกด้วย เขาแปลงเครื่อง Indian จาก sidevalve เดิมๆ เป็นเครื่อง overhead valve สร้าง cam ด้วยงานแฮนด์เมด ตั้งแต่ล้อไปจนถึงตัวเครื่อง อีกทั้ง streamline shell ล้วนเป็นผลงานคัสตอมชิ้นโบว์แดงของ Munro ทั้งหมดจนแทบไม่หลงเหลืออะไหล่ Indian จากโรงงานอยู่เลย

การทุ่มเทเสียสละให้กับสองล้อของ  Munro เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ เขาทำงานวันละ 16 ชั่วโมงตลอดปี และในช่วงหลังๆเขาคลุกคลีอยู่กับมอเตอร์ไซค์ถึงอาทิตย์ละ 70 ชั่วโมงเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้ทำให้เขามักจะถูกมองว่าเป็นคนผิดปกติอยู่เสมอ แท้จริงแล้ว Munro เป็นคนที่มีอันจะกิน เขาเป็นสมาชิกคนสำคัญคนหนึ่งของกลุ่มมอเตอร์ไซค์หลายๆกลุ่ม Munro มีเพื่อนแวดวงสองล้อมากมาย ทั้งที่เขาเคยให้ความช่วยเหลือและคนที่ช่วยให้เส้นทางนักแข่งของเขาชัดเจนขึ้น สถิติแรกของ Munro เกิดขึ้นในปี 1940 ในรายการ New Zealand open road โดยทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 194.41 กม./ชม. สถิติดังกล่าวขึ้นหิ้งไม่มีใครสามารถล้มล้างได้กว่า 12 ปีด้วยกัน นอกจากนั้นในปี 1957 เขายังสามารถสร้างสถิติเพิ่มที่ Canterbury Speed Trials ครั้งนี้ Munro ทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่าครั้งก่อน คือ 213 กม./ชม.

 

  

เข้าปี 1950 รถของ Munro ถูกจัดว่าเป็นรถที่ให้ความเร็วสูงเกินกว่าที่จะเข้าร่วมรายการใดๆใน New Zealand ได้แล้ว เขาจึงพยายามเลื่อนชั้นไปแข่งที่สนามในออสเตรเลีย แต่ในปี 1957 ภายหลังจากที่ Munro ได้มีโอกาสไปเยือน Bonneville Salt Flats ที่ Utah เขาก็ตั้งเป้าว่าจะลงชิงชัยใน flat และจะหาโอกาสสัมผัสเตียงนุ่มๆของ Bonneville ให้ได้ จากการประหยัดอดออมและการช่วยเหลือที่ได้รับจากเพื่อนใน New Zealand ปี 1962 Munro ก็เก็บเงินออกเดินทางไปประเทศอเมริกาได้สำเร็จด้วยเรือขนส่งโดยสาร เพื่อแลกกับค่าตั๋วการเดินทางข้ามมหาสมุทรครั้งนี้ Munro จึงต้องทำอาชีพเสริมหารายได้เป็นพ่อค้าบนเรือลำดังกล่าว เขาจ่ายเงิน 90$ ซื้อรถลากที่สภาพค่อนข้างชำรุดใน Los Angeles เพื่อทำการเคลื่อนย้ายสุดที่รักของเขาไป Bonneville เมื่อถึงที่หมายเป็นที่เรียบร้อย Munro ก็พร้อมลงแข่งขันทันที แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเนื่องจากเขาไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ให้ลงแข่งขัน ไม่เหมือนในบ้านเกิด ประเทศ New Zealand ขั้นตอนการแข่งขันมีเพียง ให้นักแข่งแสดงความพร้อมที่สนามจากนั้นลงทะเบียนแล้วเริ่มแข่งขันได้เลย Rollie Free และ Marty Dickerson เพื่อนชาวอเมริกันของ Munro ทั้งสองต่างเป็นที่เคารพนับถือกันในแวดวงสมาคม Land Speed Record ช่วยกันเจรจาให้เจ้าหน้าที่อนุญาติให้ Munro เข้าแข่งขัน แต่การแข่งขันครั้งนี้ดูจะไม่เป็นผลเนื่องจากเจ้าหน้าที่ยืนกรานไม่อนุญาติให้เขาและ Indian คู่ใจลงแข่งขันในทุกๆกรณี

 

อย่างไรก็ตามใน Salt Flats Munro ใช้ Indian เครื่องยนต์ 850 ซีซี ทุบสถิติด้วยความเร็วสูงสุดถึง 288 กม./ชม. Munro ลงแข่งในสนาม Bonneville กระทั่งปี 1967 โดยในปีนี้เขาก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นขณะทำความเร็วสูงสุดเหตุการณ์ในครั้งนั้นนิตยสารใน New Zeland ได้ตีพิมพ์ของเขาด้วยเช่นกัน โดยมีเนื้อความว่า "ในรายการแข่งขันที่ Salt ปี 1967 เราทั้งสองพุ่งด้วยความเร็วเหมือนลูกระเบิด แต่เมื่อถึงกลางทางเธอกลับเกิดอาการสะบัดขึ้นมา ผมค่อยๆนั่งลงเพื่อลดความเร็ว ลมตีจนแว่นตาผมหลุดออก ลมปะทะตรงเข้าสู่ตาทั้งสองข้างและใบหน้าอย่างรุนแรง ผมมองอะไรไม่เห็นเลย เราออกนอกเส้นทางไกลเกินกว่าเส้นสีดำที่กำกับไว้หลายนิ้ว ผมค่อยๆวางเธอลง ความเสียหายที่พบมีเพียงรอยขีดข่วนเล็กน้อยเท่านั้น"

 

 

 

 

ในปี 1975 ปัญหาด้านสุขภาพส่งผลต่อใบอนุญาตลงแข่งขันของเขา อย่างไรก็ตาม Munro ก็ยังมุ่งมั่นดัดแปลงเสริมความแรงให้กับสองล้อคันโปรดของเขาทั้ง Indian และ Velocette เหมือนเดิม แพทย์ผู้รักษาเขากล่าวว่าอุบัติเหตุจากการชยอย่างรุนแรงส่งผลกระทบต่อหัวใจของเขา กระทั่งเดือนมกราคมปี 1978 หลังจากที่เขากลับจากการเดินออกกำลังกายที่ทำเป็นประจำทุกๆวัน หัวใจของเขาก็หยุดเต้น Munro จากไปอย่างสงบ ... ความสำเร็จตลอดช่วงชีวิตของ Munro เป็นเรื่องที่ชาวสองล้อให้ความสนใจกันอย่างแพร่หลาย จนในที่สุดภาพยนต์เรื่อง "The World's Fastest Indian" ก็ถือกำเนิดขึ้นในปี 2005 Munro ได้กลายเป็นฮีโร่สองล้อของชาว New Zealand และภาพยนต์เรื่องดังกล่าวก็กลายเป็นภาพยนต์ที่ทำชื่อเสียงโด่งดังทำรายได้มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา 

Munro มีลูกชาย 1 คน และลูกสาว 3 คน ด้วยกัน โดยลูกชายของ Munro กล่าวว่า พ่อของเขาต้องยิ้มและยักไหล่เบาๆอยู่แน่ๆ ถ้าหากทราบว่าเรื่องราวของเขาได้รับความสนใจมากขนาดไหนตั้งแต่ที่เขาได้จากโลกนี้ไป "เขาต้องแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองแน่ๆ ถ้ารู้ว่ามีคนให้ความสนใจในภาพยนต์เรื่องราวชีวิตของเขาขนาดนี้ ผมคิดว่าเขาต้องรู้สึกยินดีอย่างมากที่มีโอกาสได้แบ่งปันประสบการณ์ชีวิตให้กับผู้คนนับล้านบนโลกใบนี้.."

 

Munro ได้รับเกียรติให้เป็นบุคคลสำคัญในวงการสองล้อ ขึ้นทำเนียบ AMA Motorcycle Hall of Fame ปี 2006 ด้วย

 

 

 

--------

เรียบเรียงโดย  HD - Playground
ที่มา --- indianmotorcyclethailand.com

  

Comments