สำหรับนักเดินทางแล้ว ไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่าการได้รถคู่ใจแบบไปไหนไปกัน ซึ่งมันจะดีขึ้นไปอีกหากมีเครื่องอำนวยความสะดวกติดปลายนวมไปด้วย อย่างน้อยที่สุดก็มีวิทยุคลายความเหงาเวลาที่เดินทางไกลและรถที่กำลังจะพูดถึงอยู่นี้ก็คือหนึ่งในตระกูล Road Glide เพียงแต่มันเป็นแบบ Custom เท่านั้นเอง นับได้ว่านี่คือ "พรวิเศษแห่งการเดินทาง" แถมยังเหมาะกับนักขับขี่ที่ขอบการผจญภัยแบบพอเพียง ว่าแล้วก็อย่ามัวรอช้า ไปดูกันซิว่ารถคันนี้มีอะไรดีซ่อนอยู่

     สิ่งที่ต่างออกไปจากรถสายพันธุ์ครูสเชอร์ ก็คือ 2013 Road Glide Custom คันนี้ไม่ได้มีแผ่น Windshield ขนาดใหญ่เพื่อป้องกันแรงลม แต่โหนกหน้ากากก็โก่งมากพอที่จะรีดมวลลมให้พัดผ่านคนขี่ไปได้แม้จะไม่ได้ป้องกันทั้งหมดก็ตาม สาเหตุน่าจะมาจากผู้ออกแบบต้องการให้รถคันนี้มีมิติการใช้งานมากกว่าการเป็นได้แค่รถเดินทางเพียงอย่างเดียว กลุ่มหน้าปัดเรือนไมล์ก็มาด้วยจอกลมล้วน ๆ มีถึง 6 วง หรือ 6 มาตรวัด ดีไซน์การจัดวางถือว่าทำได้ดี "เล่นอะไรที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ ดูดีที่สุด" นอกจากนั้นยังมีวิทยุและชุดเล่น CD เอาไว้บรรเลงขับกล่อมหากรู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้ดูจะเงียบไป

     แฮนด์บังคับกระดกยกองศากึ่งจะโหนหน่อย ๆ ขนาบข้างด้วยสวิทช์คุมระบบไฟและประกับคันเร่ง นอกจากนั้นก็ยังมีปั๊มเบรกหน้าและก้านคลัทช์คุณภาพ "เลิศ" ร่วมอยู่ด้วย

     ต่อมาก็เป็นถังน้ำมันเชื้อเพลิง มันมีขนาดความจุ 6 แกลลอน หรือ 22.7 ลิตร น่าจะมากพอสำหรับการเดินทางพิสัยไกล ถังน้ำมันเชื้อเพลิงทรงนี้ไม่เป็นอุปสรรคกับทุกสรีระ "ต่อให้พุงย้อยก็ไม่หวั่น" เบาะนั่งใบเดียวเน้นฟองน้ำหนา ๆ แบบไม่มีอาการ "หวงฟองน้ำ" นั่นก็เพื่อเสริมความสบายยามขับขี่และโดยสาร ไม่มีกระเป๋าหลังเพราะมันจะดูใหญ่เกินไปหากน่าไปใช้ในเมือง แต่ก็แก้ต่างด้วยกระเป๋าข้างขนาดมาตรฐานของ H-D แปะท้ายทั้งสองข้างเลย บังโคลนหน้า-หลังจะเน้นความยาวที่มากกว่าและแอบกระดกท้ายสไตล์ตูดเป็ดนิด ๆ เรียกได้ว่าป้องกันได้ทุกสรรพสิ่งที่วงล้อจะดีดขึ้นมา ไฟหน้ามาแบบแพ็คคู่ความสว่างที่เกินตัวรวมถึงไฟท้ายทับทิมแดงขนาดใหญ่เสริมความปลอดภัย ส่วนไฟเลี้ยวจะเน้นทรงกลมทั้งหมด ปิดท้ายด้วยโครงเหล็กกันล้มด้านหน้าเพื่อความปลอดภัย

     มิติของ 2013 Road Glide Custom คันนี้มีความกว้าง/ยาว/สูง/ระยะห่างฐานล้อ/ความสูงของเบาะ และความสูงจากพื้นถึงตัวรถเท่ากับ 909/2,413/1,270/1,613/663-688 และ 130 ม.ม. นี่ถ้าเป็นภาษามวยดูทรงรถแล้วก็บอกได้เลยว่าเป็นรุ่นเฮฟวี่เวทแน่ ๆ สำหรับระบบช่วงล่างข้างหน้าเป็นงานของโช้กอัพเทเลสโคปิคขนาด 41.3 ม.ม. ผิวแกนโช้กอัพเคลือบฮาร์ดโครม ระยะการทำงาน 117 ม.ม. ด้านหลังเป็นโช้กอัพคู่ที่ปรับตั้งด้วยระบบอัดลม ให้ระยะของการทำงานที่ 51 ม.ม. ให้อารมณ์ที่นิ่มนวลและมีความเสถียรสูงหากอยู่บนถนนเรียบ ๆ แต่ถ้าถึงคิวต้องลุยในเส้นทางก้ำกึ่งอ๊อฟโรดน่าจะเกิดปัญหา "หลังยอก" แน่ ๆ

     วงล้อทั้งหน้า/หลังเป็นวงล้ออัลลอยแบบ 5 ก้าน (รูปดาว) วงล้อหน้าใช้ยางขนาด 130/70 B 18 63 H วงล้อหลัง 180/65 B 16 81 H จานเบรกทั้งหน้าและหลังจะเหมือนกันคือมาในแบบดิสค์คู่ขนาด 300 ม.ม. เป็นแบบตายตัว คาลิเปอร์ 4 ลูกสูบ

     ขุมกำลังเป็นเครื่องยนต์เบนชิน 4 จังหวะ 2 ลูกสูบ มีขนาดความจุ 1,690 ซีซี กระบอกสูบ x ระยะชัก เท่ากับ 98.4 x 111.3 ม.ม. กำลังอัดเครื่องยนต์ 9.6:1 ระบายความร้อนด้วยอากาศ จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอิเล็คทรอนิคส์ ESPFI (Electronic Sequential Port Fuel Injection) ระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ชุดคลัทช์แบบเปียกสั่งงานด้วยสายสลิง สตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยระบบไฟฟ้า ขับเคลื่อนด้วยสายพาน มีแรงบิดอยู่ทั้งสิ้น 135 นิวตัน-เมตร ที่รอบการทำงานเครื่องยนต์ 3,250 รอบ/นาที มีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 5.6 ลิตร/100 กิโลเมตร ชุดท่อไอเสียเป็นแบบ 2-1-2 ให้ สำเนียงดุดันสไตล์อเมริกัน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

นิตยสารนักเลงมอเตอร์ไซค์

ปีที่ 25 ฉบับที่ 296 มีนาคม 2556

ที่มา   กระปุกดอทคอม