“บางคนอาจมองว่าเท่มองว่าโก้หรูกับการขับฮาร์เล่ย์ฯ ใส่เสื้อหนังกางเกงหนังครบเซตขี่ไปไหนมาไหนกันเป็นแก๊งประมาณ 30– 40 คัน แต่ในใจคนขี่แล้วเป็นความสนุกความท้าทายที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว...”
ชัยภัทร ศรีวิสารวาจา
เกริ่นนำจาก คุณชัยภัทร ศรีวิสารวาจา ที่ปรึกษาบริษัทมหาชนกว่า 10 แห่งอาทิ KT ZMICO, Seamico, The Brooker Group, The Srivisavacha Foundation, Faces Company Limited ฯลฯ ทั้งยังเป็นที่ปรึกษาให้กับตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจสันติบาล 3 บวกด้วยอีก 1 ตำแหน่งสำคัญ (สำหรับเจ้าตัว) คือ ท่านประธานกลุ่ม HOG (Harley Owners Group) คนล่าสุดที่เพื่อนพ้องน้องพี่พร้อมใจกันยกตำแหน่งให้แบบไม่ทันตั้งตัวเนื่องจากเล็งเห็นถึงความเหมาะสมไม่ว่าจะเป็นวัยวุฒิคุณวุฒิแม้ประสบการณ์ด้านฮาร์เล่ย์ฯ จะมีเพียง 4 ปีก็ตาม
จุดเริ่มต้นของความหลงใหลในเจ้า 2 ล้อแบรนด์หรูที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณชัยภัทรเล่าให้ฟังว่าช่วงที่ตกอยู่ในความเศร้าหลังประสบปัญหาครอบครัวจึงอยากมีกิจกรรมซึ่งต่างจากที่เคยทำอย่างการออกรอบตีกอล์ฟ ประจวบกับเพื่อนรุ่นน้องอยากขายฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน Sportster 1200 ปี 2006 ความที่ยังไม่คุ้นจึงขอทดลองขี่ก่อน
ครั้งแรกกับการประคับประคองเจ้า 2 ล้อคันใหญ่ให้แล่นลิ่วไปบนถนนแถวศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์แม้เกือบผ่านไปด้วยดี หากแต่ดวงเขากับรถคงสมพงษ์กันตอนจอดจึงบังเอิญตั้งรถไม่ตรงล้มลงจนเป็นรอยทำให้เกิดความเกรงใจที่ทำของเขามีตำหนิ เลยตัดสินใจซื้อเอาไว้กลายเป็นที่มาของรถฮาร์เล่ย์ฯ คันแรกในชีวิตด้วยราคาเกือบ 700,000 บาท
รูปทรงของรถ...เสียงเครื่องยนตร์กระหึ่ม...และอีกหลายๆ ความพิเศษของฮาร์เล่ย์ฯ ค่อยๆ ซึมซาบเข้าครอบงำคุณชัยภัทรทีละน้อยกว่าจะรู้ชัดก็ปรากฏว่าหนุ่มฮาร์เล่ย์ฯ หน้าใหม่ได้สัมผัสเจ้า 2 ล้อแบรนด์นี้ไปหลากหลายรุ่นทั้งทดลองขับและแลกเปลี่ยนเข้ามาในครอบครองสนนราคาแต่ละคันขึ้นอยู่กับรุ่นและขนาดยิ่งไซด์ใหญ่ราคาก็จะใหญ่ตามไปด้วย
2 ล้านบาท!! คือราคากันเองแบบพี่ๆ น้องๆ ของ 2 ล้อคันเก่งที่ครอบครองอยู่ในปัจจุบันเป็น 1 ใน 3 คันหัวกระทิที่จับใจจนปล่อยให้ใครไปไม่ได้คือคันแรก Sportster 1200 ปี 2006, CVO Softail Convertible ปี 2011 และ Road King Police ปี 2009 ส่วนคันอื่นๆ ตกทอดไปอยู่ที่เพื่อนรุ่นน้องซึ่งจ่อคิวรับช่วงต่อหลายคน
“การได้ขี่มอเตอร์ไซค์เป็นทางที่ชอบเวลาขี่ลมจะปะทะหน้ามองเห็นวิวทิวทัศน์ได้รอบด้านจุดโฟกัสของเราก็จะอยู่ตรงหน้าห้ามวอกแวกหรือคิดเรื่องอื่นเหมือนเป็นการควบคุมสติและเหมือนได้นั่งสมาธิอย่างหนึ่ง”
ให้เปรียบเทียบความมันส์สะใจในการประลองความเร็วหลายคนอาจชอบรถยนตร์หรูคันโก้อย่างเฟอร์รารี่ ปอร์เช่ หรือรถสปอร์ตอื่นๆ แต่สำหรับผู้ชายคนนี้กลับมองต่างมุมด้วยเหตุผลนานัปการ...ที่สุดแล้วฮาร์เล่ย์ฯ มาก่อนเสมอ
และเมื่อผลักดันตนเองมาเป็นหนุ่มฮาร์เล่ย์ฯ ความเพลิดเพลินจึงไม่หยุดเพียงการซิ่งเดี่ยวหรือนัดกันไปโฉบเฉี่ยวเป็นคาราวาน เพราะบิ๊กไบค์แบรนด์นี้เขามีแอกเซสซอรีให้เล่นอย่างครบวงจรแบบว่าไม่แต่งรถก็แต่งตัวหรือใครจะแต่งทั้งรถทั้งตัวผู้ขับขี่ด้วยก็ไม่ผิดกฎกติกาการจราจรข้อไหนเลย ท่านประธานกลุ่ม HOG คนนี้บอกว่าส่วนตัวเขานั้น "ดูที่ความเหมาะสมหรือการใช้งาน" แต่เมื่อเราได้รับอนุญาตให้แอบดู “ของประกอบฉาก”ของท่านประธานชัยภัทรก็ไม่เห็นเลยว่าชิ้นไหนของท่านที่ไม่มีโลโก้สำคัญ Harley Davidson ปะหราอยู่
อย่างหมวกกันน็อกที่ติดตราตำรวจสันติบาล 3 และตำรวจท่องเที่ยวทั้ง 2 ใบนำเข้าจากสหรัฐยี่ห้อ Harley และ Denon หมวกฮาร์เล่ย์ฯ นอกจากสั่งผลิตแล้วยังสั่งพิเศษให้ทางโรงงานต้นทางทำสีให้ออกมาเหมือนหมวกตำรวจทั่วไปก่อนจะติดตราสัญลักษณ์สันติบาล 3 เพื่อมีสิทธิ์ในการขี่นำขบวนได้ อันนี้ก็เป็นชิ้นอภิสิทธิ์ที่ได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษเพราะมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของหน่วยงานสำคัญนั่นเอง
อีกชิ้น...หมวกกันน็อกสีขาวก็เช่นเดียวกันใส่เฉพาะตอนนำขบวนในราชการตำรวจท่องเที่ยวเพื่ออารักขาบุคคลสำคัญต่างๆ ทั้งไทยและเทศที่มาเยือนเมืองไทยความพิเศษของหมวกใบนี้คือมีบลูทูธสามารถคุยโทรศัพท์หรือฟังเพลงได้เพราะมีลำโพงเล็กๆ ซ่อนอยู่ข้างใน
“เสื้อผ้าฮาร์เล่ย์ฯ ที่ใส่รวมถึงแจ็กเก็ตมีประมาณ 2 ตู้ ที่เหลือก็เป็นหมวกกระเป๋าถุงมือถุงเท้าผ้าเช็ดหน้าก่อนออกจากบ้านต้องพร้อมเสมอตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่อย่างนั้นไม่มั่นใจ (หัวเราะอารมณ์ดี) เหมือนคนแก่ที่ได้ของเล่นใหม่มักจะเห่ออยู่ตลอดได้หยิบจับในสิ่งที่ชอบเท่านี้ก็มีความสุขแล้ว” หนุ่มใหญ่หัวใจฮาร์เล่ย์ฯ หัวเราะหน้าชื่นทิ้งท้าย
ช่วงนี้ท่านประธานคงจะอารมณ์รื่นเล่าเพิ่มว่าสมบัติฮาร์เล่ย์ฯ นั้นกรุจริงอยู่ที่บ้านเขาใหญ่ "ที่นั่นมีข้าวของเครื่องใช้เยอะกว่านี้อีกเพราะส่วนใหญ่ทุกวีกเอนด์จะกลับไปอยู่บ้านหลังนั้น"
ขอขอบคุณ นิตยสาร Who?
|