เรียกว่าขายดิบขายดีราวกับแจกฟรีมาตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สำหรับ “ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน” แบรนด์ดังระดับตำนานที่คนรักสองล้อทั่วโลกหลงใหลคลั่งไคล้จนถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของอเมริกา โดยเฉพาะในปี 2012 นี้ ที่นักวิเคราะห์ออกมาเผยว่า แม้ยังอยู่ในช่วงครึ่งปีแรกแต่ผลประกอบการของแบรนด์ดังก็ส่งสัญญาณดีอยู่ในแดนบวกอย่างไม่น่าเชื่อ และมีแนวโน้มว่าจะพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงสิ้นไตรมาส 4
ด้านนักวิเคราะห์กล่าวอีกว่า เฉพาะที่ฐานการผลิตใหญ่ในรัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา เพียงแห่งเดียว ฮาร์เล่ฯ ก็สามารถทำรายได้โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 8.61% จากรายได้โดยเฉลี่ยของ 4 ไตรมาสล่าสุด ขณะที่ราคาหุ้นถีบตัวสูงขึ้น 24% (นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึงปัจจุบัน) โดยมองว่าในระยะยาวผลประกอบการของฮาร์เล่ย์ฯ อาจจะเติบโตได้ถึง 12% จนเว็ปไซต์สำหรับนักลงทุนชื่อดังอย่าง Zack ยังยกให้เป็นอันดับ 1 ด้านกำลังซื้อที่แข็งแกร่งพร้อมให้ความเห็นว่าหุ้นของฮาร์เล่ย์ฯ เป็นเดิมพันที่คุ้มค่าอย่างยิ่งสำหรับการลงทุนในเชิงรุก
นอกจากผลประกอบการที่ถือได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงแล้ว ฮาร์เล่ย์ฯ ยังสามารถครองส่วนแบ่งมาเป็นอันดับ 1 ในตลาดรถมอเตอร์ไซค์ของอเมริกาจากความเป็นแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือ ผสมผสานกับภาพลักษณ์ที่ทรงพลัง ได้มาตรฐานและมีสไตล์อีกด้วย ซึ่งไม่เพียงมีผลกำไรที่เป็นกอบเป็นกำมาเป็นแรงผลักดันสำคัญเท่านั้น ยังมีปัจจัยที่มีความแข็งแกร่งในด้านอื่นๆ อีกที่เกี่ยวข้องในการครองตลาดครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตของผลประกอบการที่มีความสม่ำเสมอ อัตราการขยายตัวของผลกำไร และ price performance ที่ดี
ดังจะเห็นได้ว่าบริษัทสามารถฟันกำไรจากตลาดมอเตอร์ไซค์ได้ถึง 44% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2012 ตามที่มีการรายงานเมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา ส่งให้หุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นอีก 6% โดยปิดที่ราคา 53.49 เหรียญ ได้กำไร 74 เซนต์/หุ้น จากเดิมที่ Zacks เคยประมาณการไว้ที่ 3 เซนต์/หุ้น ส่วนรายได้รวมของธุรกิจฮาร์เล่ย์ฯ ทั้งหมด (รวมถึงบริการทางการเงิน) สูงขึ้นถึง 17% เมื่อเทียบกับรายได้ 1.43 ล้านเหรียญของปีที่แล้ว โดยส่วนใหญ่ได้มาจากยอดการจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์และสินค้าที่เกี่ยวข้องที่สูงขึ้นนั่นเอง
อย่างไรก็ดี ฮาร์เล่ย์-เดวิดสันยังเพิ่มแนวทางการส่งออกสินค้าสำหรับปี 2012 ให้มากขึ้น โดยคาดว่าเฉพาะในปีนี้น่าจะมีการส่งรถมอเตอร์ไซค์ออกไปจำหน่ายแล้ว 245,000 – 250,000 คันทั่วโลก มากกว่าปีที่แล้วที่มียอดอยู่ที่ 240,000-245,000 คัน ซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่า หากมองในอีกแง่มุมหนึ่ง การที่ผลประกอบการของฮาร์เล่ย์-เดวิดสันสูงขึ้นจากที่ประมาณการไว้แต่เดิมนี้ ยังมีส่วนแสดงให้เห็นถึงระดับอุปสงค์ที่ทั่วโลกมีต่อสินค้าของอเมริกาเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน
ที่มา www.forbes.com
|