ต้องบอกว่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่าสำหรับรถใหม่ปี 2012 ของค่ายพี่ใหญ่ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน ที่ประเดิมครึ่งไตรมาสแรกด้วยยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นประมาณ 30% โดยคาดการณ์จากผลการสำรวจยอดขายจากตัวแทนจำหน่ายทั่วอเมริกา ในช่วงวันที่ 1 มกราคม ถึง กลางเดือนกุมภาพันธ์ 2012 ที่ผ่านมา

แหล่งข่าวกล่าวว่า เหตุที่รถใหม่ปี 2012 ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากอาจเนื่องมากจากคุณภาพรถที่ถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นและมีราคาถูกกว่ารถรุ่นปีก่อน ๆ ทำให้บรรดาไบค์เกอร์ทั้งหลายสามารถซื้อหามาขี่ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในแถบมิดเวสต์ (Midwest) ของอเมริกาที่มีฤดูหนาวที่ไม่รุนแรงมากนัก เหมาะแก่การขี่มอเตอร์ไซค์ ส่งผลให้ประชากรในภูมิภาคนี้หันมาให้ความสนใจรถ 2 ล้อ ซึ่งมีความคล่องตัวสูงและราคาถูกกว่ารถยนต์กันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ประกอบกับผลในแดนบวกของดัชนีหุ้นฮาร์เล่ย์ฯ ในตลาดดาวโจนส์ที่เพิ่มขึ้น 63% ตั้งแต่ปี 2008 ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า โดยเฉพาะกับกลุ่มลูกค้าใหม่ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี่เองที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านการขายให้กับฮาร์เล่ย์ฯ

แม้ความน่าสนใจจะทำให้ยอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น แต่ในทางกลับกันมันยังทำให้ค่าเฉลี่ยรถใหม่ปี 2012 ในคลังของฮาร์เล่ย์ฯ ลดลงเช่นเดียวกัน โดยอยู่ที่ประมาณ 52 คัน ต่อ 1 ตัวแทนจำหน่ายเท่านั้น เมื่อเทียบกับในปี 2006 ที่มีประมาณ 125 คัน ทั้งนี้ 84% ของตัวแทนจำหน่ายฮาร์เล่ย์ฯ ทั่วอเมริกาเชื่อว่า หากค่าเฉลี่ยรถใหม่ในคลังยังอยู่ในระดับดังกล่าวหรือลดต่ำลงกว่านี้ นั่นหมายความว่า “มูลค่าความหายาก (scarcity value)” ของแบรนด์จะเพิ่มสูงขึ้น หลังจากมีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ก็ถือว่าเป็นข่าวดีทางการเงินของโรงงานเพราะทำให้วงจรเงินสด (Cash Cycle) ของฮาร์เล่ย์ฯ ในปัจจุบันสั้นมากขึ้น แม้ในขณะนี้จะมีตัวแทนจำหน่ายอีกหลายแห่งที่ยังคงขายรถใหม่ตามราคาขายปลีกที่ทางฮาร์เล่ย์ตั้งไว้ก็ตาม

อย่างไรก็ดี ทางฮาร์เล่ย์ฯ ยังเฝ้าจับตายอดจำหน่ายในเดือนมีนาคม ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดที่ดีที่จะบอกได้ถึงทิศทางของยอดจำหน่ายในช่วงปีที่เหลือว่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือไม่ รวมถึงทิศทางของราคาขายที่อาจเป็นไปได้ทั้งในกรณีที่ลูกค้ายังสามารถซื้อได้ในราคาเดิมหรือแพงขึ้น ตามกลยุทธ์ที่ทางฮาร์เล่ย์ฯ กำหนดขึ้นเพื่อจำกัดขอบเขตในการผลิตรถใหม่เพื่อเป็นการปกป้องมูลค่าของแบรนด์นั้นเอง



ที่มา: www.cyrilhuzeblog.com