RECENT POST
HDP ROUND HALF HELMET- IR...
DATE 420.11.23
N-C-01<br>Expired::
N-C-02<br>Expired::
N-C-03<br>Expired::
Rebirth of Cafe Racer
By HDP PR
DATE: 2011.10.13
VIEW: 2131
POST: 5
แบ่งปัน   Like 4

 

  

“ถ้าคุณคิดจะตามรอยต้นกำเนิดของรถมอเตอร์ไซค์คาเฟ่ คุณอาจจะไปเจอคำตอบที่หน้าร้านเหล้าริมทางที่ไหนสักแห่งในอังกฤษก็เป็นได้...”


 

  

ดนตรีส่งเสียงดังกระหึ่มออกมาจากร้านเหล้าจนคนที่อยู่บนถนนได้ยิน ไบค์เกอร์กลุ่มหนึ่งที่ทำทรงผมหวีปัดไปข้างหลังพร้อมใจกันใส่เสื้อแจ็กเก็ตหนัง ยืนล้อมรอบมอเตอร์ไซค์หลากหลายรูปแบบที่พร้อมสำหรับการ “ซิ่ง” ได้ทุกเวลา

รถที่เห็นอาจเป็นโมเดลเดียวกันทั้งหมดแต่กลับไม่มีคันไหนใช้รูปแบบเดียวกันเลยแม้แต่น้อย เพราะรถแต่ละคันล้วนผ่านการถอดชิ้นส่วนแล้วก็ใส่กลับไปใหม่เพื่ออัพความเร็วของรถและแสดงถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยฝีมือของไบค์เกอร์ผู้เป็นเจ้าของกันมาแล้วทั้งนั้น

บุคคลเหล่านี้ถูกเรียกว่า “ร็อคเกอร์” ผู้ซึ่งสร้างชิ้นงานสองล้อคาเฟ่ด้วยมือมาแล้วนับไม่ถ้วน ความคิดแปลกแยกที่ไม่เคยเหมือนใครราวกับจะเป็นกบฏของสังคมของพวกเขาเหล่านี้แพร่สะพัดไปทั่วจนกระทั่งผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์รายใหญ่ ๆ จับเอาไปทำเป็นของตัวเองและนำเสนอให้กับมวลชนกันเป็นการใหญ่ผ่านการจัดจำหน่ายเป็นวงกว้างไปทั่วโลก โดยที่หารู้ไม่ว่าสิ่งนั้น “จิตวิญญาณของร็อคเกอร์” ผู้สร้างสองล้อคาเฟ่แท้ ๆ กลับต้องมลายหายไปอย่างช้า ๆ จนกระทั่งไม่เหลือแม้แต่ “ลม” ที่จะให้หายใจ

เรื่องน่าเศร้าเพิ่งจะได้รับการกู้คืนมาเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง เพราะคำกล่าวเดิม ๆ อย่าง “ถ้าคุณคิดจะตามรอยต้นกำเนิดของรถมอเตอร์ไซค์คาเฟ่ คุณอาจจะไปเจอคำตอบที่หน้าร้านเหล้าริมทางที่ไหนสักแห่งในอังกฤษก็เป็นได้...” กำลังจะถูกเปลี่ยนเป็น “ถ้าคุณคิดจะตามรอยต้นกำเนิดของรถมอเตอร์ไซค์คาเฟ่ คุณอาจจะไปเจอคำตอบตรงที่หน้าช็อปแห่งหนึ่งในอนาไฮม์ แคลิฟอร์เนียก็เป็นได้” เพราะ Steve Carpenter (หรือที่รู้จักกันในนาม Carpy) ผู้สืบทอดตำนานสองล้อคาเฟ่ตัวจริงของ “Ton-Up-Boys” ได้ตั้งช็อปและพร้อมดำเนินงานอย่างจริงจังแล้ว

โอเค เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า...


 

  

ทำไมต้องเป็นสองล้อคาเฟ่?

สำหรับผมหรอ? มันอยู่ในสายเลือดน่ะ ลองหลับตาแล้วจินตนาการถึงวันที่ได้เห็นชายแก่ ๆ คนหนึ่งขี่สองล้อคาเฟ่ไปรอบ ๆ East London ดูสิ ผมอาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้

และทำไมต้องเป็น CB750 ล่ะ? เรื่องอื่นผมไม่รู้นะ ผมรู้แค่ว่าผมเคยเป็นไบค์เกอร์ที่คอยส่งของให้คนอื่น ๆ ในลอนดอนแล้วเจ้ารถคันนี้มันก็ตอบโจทย์ผมได้หมด นั่นละคือเหตุผลว่าทำไมผมเลือก CB750

เท่าที่ผมได้ลองขี่รถอังกฤษคันอื่น ๆ ผมคิดว่ารถพวกนี้ดูจะเร่งเครื่องยากและถึงเร่งได้ก็เร่งไม่ได้นานเท่าไร กลับกันเจ้า 750 ของผมดูจะทำงานได้เสถียรกว่าแถมยังสามารถเปลี่ยนชิ้นส่วนต่าง ๆ ของรถได้แบบไม่ยุ่งยากอีก ผมเองก็ใช้เจ้า 750 ตัวนี้ด้วยเครื่องเดิม ๆ มา 9 ปี ก่อนที่มันจะถูกแทนที่ด้วยชิ้นส่วนใหม่ที่ ๆ ผมสามารถแสวงหาได้จากร้านขายของเก่าแถวบ้านได้ไม่ยาก นั่นละครับคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าชิ้นส่วนแล้วก็อะไหล่ต่าง ๆ ของเจ้า 750 ของผมมันหาไม่ยากจริง ๆ แต่ข่าวไม่ดีก็คือ เมื่อหลายปีมานี้สองล้อคาเฟ่ถูกกู้ชื่อมาไม่เยอะเท่าไรหรอก เชื่อผมสิ


 

  

ทำไมถึงคิดว่ารถสองล้อคาเฟ่พวกนี้จะกลับมาสร้างกระแสอีกครั้งล่ะ?

ก่อนอื่นผมอยากจะบอกว่าผมแทบไม่มีส่วนทำให้รถสองล้อคาเฟ่กลับมาดังอีกครั้งเลยจะดีกว่า ไอ้สิ่งที่ผมทำมันก็อาจจะเป็นแค่ “แรงบันดาลใจ” ให้กับใครหลาย ๆ คนได้ใช้เป็นแบบอย่างแล้วก็ลองเดินตามตูดผมดูละมั้ง...

เอ้า...ลองเล่นกับรถดูบ้างซิ เปลี่ยนแฮนด์นิด เสริมหล่อหน่อย รถจะโอเคเลย ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เลยนะถ้าวงการมอเตอร์ไซค์ปัจจุบันจะให้ความสำคัญกับรถสองล้อคาเฟ่ไปพร้อม ๆ กับการลงมือปรับแต่งมอเตอร์ไซค์เก่า ๆ อย่างจริงจังน่ะ


 

  

ช่วยพูดอะไรสักนิดเกี่ยวกับการสร้างงานชิ้นแรกในอเมริกาให้ฟังหน่อยซิ?

ได้ครับได้ ผมมาอยู่ที่อเมริกาตั้งแต่ปี 2000 ละ ตอนนั้นผมเล่นสองล้อคาเฟ่ก็เพื่อฆ่าเวลาเท่านั้น ผมได้มอเตอร์ไซค์มาจาก eBay มาคันนึงนั่นก็คือเจ้า CB คันนี้แล้วผมก็ลงมือแต่งมันอย่างที่บอกไว้ ผมเช่าที่เอาไว้ขายของอยู่ข้าง ๆ ช็อปของคนดังอย่าง Jay Leno ไว้ด้วย วันนึงเจย์เดินเข้ามาบอกผมว่า “เฮ้ย ฉันเห็นนายมีเจ้าแก่ Norton อยู่นะ” ผมก็ขำเขาเล็กน้อยเพราะว่าไอ้สองล้อที่เห็นไม่ใช่ Norton แต่มันเป็น Honda ต่างหาก

“นั่นอะไรน่ะ” ก็เป็นคำถามของใครหลาย ๆ คนที่ผ่านเข้ามาเห็นรถของผมแล้วเกิดความฉงนสนใจกับสิ่งที่เห็น

“คุณประทับใจ Jay Leno แล้วก็ดาราดังคนอื่นๆ ที่ได้มีโอกาสอุดหนุนชิ้นงานของคุณใช่มั้ย?”

ใช่เลย ตอนนี้ผมกำลังทำอีกหนึ่งชิ้นงานให้ Green Day อยู่นะ เนี่ยผมเพิ่งทำสองล้อคาเฟ่ให้ผู้จัดการทัวร์ของ Marylin Manson ไปสด ๆ ร้อน ๆ และผมก็เพิ่งจะรับงานของผู้จัดการทัวร์ของ Metallica ไปหมาด ๆ ผมส่งชิ้นส่วนต่าง ๆ ของมอเตอร์ไซค์ให้นาย Joe Perry แล้วก็วง Aerosmith ด้วย ป่านนี้ที่บ้านเขาคงกำลังง่วนอยู่กับการสร้างมอเตอร์ไซค์คันใหม่อยู่แน่ ๆ   


 

  

ตอนนี้ขี่อะไรอยู่?

ตอบยากนะคำถามนี้ เพราะทุกวัน ๆ ผมต้องรับงานแทบไม่ได้หยุด ถ้ามีใครสักคนก้าวเข้ามาในช็อปแล้วพูดว่า “เฮ้ย ฉันอยากได้ไอ้นี่นะ“ ผมก็คงจะจบลงด้วยการขายรถคันนั้นโดยทันทีเพื่อเอาเงินเข้ากระเป๋าให้ได้มากที่สุดเหมือนที่คุณ ๆ ทำกันอยู่ไม่ใช่หรอครับ เอาเป็นว่างานทุกวันกับรถทุกคนของผมเป็นธุรกิจหมดเลยละกันนะ

ถึงตอนนี้รถที่ผ่านมือผมมาทั้งหมดก็ประมาณ 15-20 คันละ และทั้งหมดนี้ยังไงก็ยังคงเป็น “ธุรกิจ” ของผมอยู่ดี

ตอนนี้ผมทำงานอะไรบางอย่างให้ดีลเลอร์ของ Harley-Davidson ไปพร้อม ๆ กับการเป็นไบค์เกอร์ด้วย โอเค พูดมาตั้งนาน รถที่ผมขี่บ่อย ๆ ก็น่าจะเป็นเจ้า Ducati 1000S รุ่นปี 2008 นี่แหละที่น่าจะเป็นรถประจำตัวของผม และจะว่าไปเจ้านี่มันก็ดูคล้าย ๆ กับสองล้อคาเฟ่ไม่น้อยเลยนะ ว่ามั้ย


 

  

มีอะไรจะฝากถึงไบค์เกอร์กำลังจะลงมือสร้างสองล้อคาเฟ่คันแรกบ้างมั้ย?

โอเค สิ่งแรกเลยนะ อย่าไปรีบร้อนกับมันมากนักเพราะนั่นคือเงินจำนวนมหาศาลที่จะต้องเสียไปแบบเปล่าประโยชน์จากการลองผิดลองถูก ลองเริ่มต้นจากสิ่งง่าย ๆ แล้วให้มันพัฒนาการไปทีละขั้นตามขั้นตอนของมันจะดีกว่า เครื่องที่มันยังคงทำงานอยู่จะช่วยประหยัดเวลาและป้องกันการเกิดเรื่องไร้สาระได้ดีทีเดียว

แฮนด์จะเป็นชิ้นส่วนที่จะถูกเปลี่ยนเป็นอันดับแรก ๆ เพราะมันจะไปเปลี่ยนลุคของรถและจะทำให้การปรับแต่งครั้งนี้ดูมีความหวังมากขึ้นไปด้วย สำหรับเบาะ คุณอาจจะซื้อเบาะจากช็อปของผมหรือไม่ก็ใช้วิธีเดิม ๆ ที่ผมเคยทำอย่างการรีไซเคิลก็ได้นะ ง่าย ๆ เลยก็แค่เดินไปหยิบมีดหั่นขนมปังเก่า ๆ ของคุณแม่มาปาดเบาะโฟมแล้วก็จัดการหุ้มเบาะทับอักครั้งก็เป็นอันเสร็จพิธี

เชื่อมั้ย แค่แฮนด์กับเบาะก็ทำให้เจ้าสองล้อคาเฟ่ตัวโปรดของคุณดูต่างไปจากเดิมได้เลยนะ มันเหมือนคนที่มีรอยสักไง คล้าย ๆ กับว่าถ้าเราสักลงไปแล้ว เราก็ต้องอยากไปสักเพิ่มเรื่อย ๆ จนกว่าจะสักไม่ได้หรือสักไม่ไหว ประมาณนั้น 


 

  

ปิดท้าย – สองล้อคาเฟ่จะช่วยโลกได้ยังไง?

เมื่อ 11 ปีที่แล้วนับตั้งแต่วันที่ผมได้ก้าวเข้ามาเล่นสองล้อคาเฟ่ รถมันไม่เยอะขนาดนี้นะ โอเค งานแบบนี้ทำให้ผมรู้ว่าผมเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลาย ๆ คน อย่างน้อยก็คนที่คิดจะสร้างสองล้อคาเฟ่ขึ้นมาสักคันละครับ

คุณก็รู้ไม่ใช่หรอครับว่าเด็กสมัยนี้บ้าเทคโนโลยีแล้วก็ติดทวิตเตอร์ขนาดไหน บางคนยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าประแจมันใช้ยังไง บัดนี้ ถึงเวลาที่เราจะต้องลุกขึ้นเพื่อเปลี่ยนอะไรบางอย่างได้แล้ว อย่างผมเนี่ย ผมรักมอเตอร์ไซค์เก่านะ ผมจะทำให้มันดูดีขึ้นกว่าเดิมโดยที่ลุคของมันจะยังคงเดิมก่อนเป็นอันดับแรกแล้วก็ปิดท้ายด้วย “คาแร็กเตอร์” เฉพาะตัวของมันทับลงไปอีกที

คาแร็กเตอร์ หรือ “ความเฉพาะตัว” ที่ผมบอกมานี้ คือสิ่งที่คุณหาไม่อาจหาจากใครที่ไหนได้อีกแล้ว มันมีความเป็นตัวของตัวเอง มันคือตัวตนของคุณ และหากผู้คนต่างรู้จักทำสิ่งที่มีความเฉพาะตัวและไม่เดือดร้อนใครแบบนี้ก็คงจะไม่ดีน้อยเลยนะ ว่ามั้ยครับ?  


 

  

Source: www.allaboutbikes.com

 

Comments  
Posted by joehawaii
Date: 2011.10.15
ตัวผมก็บ้า 8 วาวลืเหมือนกันครับ
Posted by bookill99
Date: 2011.10.15
ชอบเหมือนกันครับ
Posted by suriya rattanakot
Date: 2011.10.14
คลาสสิค มากๆ
Posted by hunter
Date: 2011.10.14
750 8วาล์ว...
Posted by Touchio
Date: 2011.10.14
แนวนี้ชอบมาก