นอกจากนี้ ผู้เขียนบทภาพยนตร์อย่าง Jason Keller ร่วมเสนอฉากที่เกี่ยวกับการให้อภัยของพระเจ้าในหนังด้วย
“นั่นเป็นส่วนหนึ่งของฮอลลีวู้ด เพื่อนรักของผม Steve Munsey เจ้าของโบสถ์ใหญ่ในชิคาโก เสนอว่าสิ่งนี้จะบอกผู้คนว่า ถึงแม้เราจะทำผิดแค่ไหน อย่างน้อยพระเจ้าก็จะยังให้อภัยเราเสมอไม่ว่าเรื่องราวมันจะไปจบตรงที่ใด เพราะฉะนั้นผมจึงโอเคกับสิ่งนี้ยังไงล่ะ”
แซมวางแผนกลับไปเยี่ยมเยียนแอฟริกาสัก 3 สัปดาห์ แต่ตอนนี้เขาต้องอยู่ที่นี่เพื่อช่วยโปรโมตภาพยนตร์ก่อน
“ถ้าผมไม่ได้ร่วมทัวร์โปรโมต แล้วก็ถ้าผมอยู่ที่อเมริกาด้วย ผมจะออกเผยแพร่คำสั่งสอนของพระเจ้า เราเพิ่งมาใช้เปลี่ยนคำว่า “ข้อความแห่งความหวัง” แทนคำว่า “เทศนา” มาเมื่อไม่กี่ปีมานี้ เพราะผมไม่อยากให้ใครมาเรียกอะไรแบบนี้ และคนของเรากว่า 150,000 คน รอคอยความหวังที่จะเปลี่ยนชีวิตไปในทางที่ดีขึ้น”
เจอร์ราด บัตเลอร์ใช้เวลากว่า 2 อาทิตย์ใน Central City ณ Los Angelis อยู่กับแซมเพื่อศึกษาเรื่องราวต่างๆ ผ่านการสนทนาและการรับชมวีดิโอที่บันทึกเรื่องราวและกิจกรรมเพื่อสังคมของแซมเอาไว้
ถึงแม้ว่าแซมจะเล่าเรื่องค่อนข้างหลากหลาย เจอร์ราดก็ยังอุตส่าห์เล่นมุกกับนักข่าวด้วยการเล่าถึงประสบการณ์ครั้งแรกที่บ้านของแซมว่าเขาถูกต้อนรับจากชายคนหนึ่งที่คาบไม้จิ้มฟันไว้ที่ปาก รอยยิ้มแสยะๆ และคำถามต้อนรับอย่าง “จะเอาอะไรกับฉัน หือ?”
วันนั้น เจอร์ราดนั่งลง แซมส่งปืนให้เขาพร้อมกับพูดว่า “นี่ของนาย รับไปซะ”
เจอร์ราดรับปืนที่แซมส่งให้ “ผมก็ชอบมันนะ โอเค ผมเข้าใจว่านี่เป็นแค่การทดสอบ ผมก็เลยลองจับมันดู แกว่งมันไปรอบๆ พร้อมเหนี่ยวไกปืน สักพักผู้คนที่รอบๆ ตัวของผมตกใจรีบหมอบลงกันจ้าละหวั่นเลยครับ “เฮ้ย เฮ้ย นั่นมันปืนพร้อมกระสุนจริงนะนั่น” เสียงดังตะโกนมาจากทุกทั่วสารทิศที่พวกเขาพากันหมอบเพื่อหนีตาย
เจอร์ราดบอกว่า เขาเจอชายคนหนึ่งที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์อันน่าทึ่งแต่บางทีก็ดูอันตรายไปหน่อย แต่ชายผู้เปี่ยมไปด้วยประกายในแววตาคนนี้นี่แหละเคยนำกองกำลังติดอาวุธไปลุยกองกบฎเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ มาแล้ว โดยในมือหนึ่งจะถือคัมภีร์ไบเบิลและอีกมือหนึ่งจะถือปืนกล AK-47 ในชั่วโมงนอนพักเสมอๆ และนั่นก็กลายเป็นที่มาของสมญานามอย่าง Machine Gun Preacher นั่นเอง
|