สิบปีหลังปฏิวัติ ตำนานฮาร์เล่ย์วี-ร็อดยังคงเดินหน้าต่อไป
ฮาร์เล่ย์ฉลองครบรอบปีที่สิบให้กับรถสองล้อพันธุ์ซิ่งเจ้าพลังอย่างตระกูล V-Rod โดยจะประเดิมด้วย V-Rod® 10th Anniversary Edition รุ่นครบรอบสิบปีของตระกูลซึ่งเป็นหนึ่งในสามโมเดลที่กำลังจะมีการเปิดตัวในปีหน้า ต่อด้วยสองโมเดลที่เหลือคือ รุ่นอัพเกรดของเจ้าอัศวินม้ามืดแห่งรัตติกาล Night Rod® Special และเจ้ากล้ามโตอย่าง V-Rod Muscle จอมพลังที่จ่อคิวรอแจ้งเกิดแบบติดๆ
เท้าความกันสักนิดถึงรถมอเตอร์ไซค์ของฮาร์เล่ย์ตระกูลนี้โดยย้อนไปในปี 2002 ที่รุ่นดั้งเดิมของ V-Rod ที่ถูกเปิดตัวสู่ตลาดในตอนนั้นและได้แจ้งเกิดในวงการในตอนนั้นโดยทันที ด้วยความจุกระบอกสูบขนาด 1,130 ซีซีที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ Revolution®V-Twin แบบทำมุม 60 องศาที่ให้สมรรถนะของรถที่ดีเยี่ยมแบบไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งเจ้าเครื่องยนต์จอมพลังที่ว่านี้ถูกติดตั้งเพลาลูกเบี้ยวและระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมด้วยรอบเครื่องกลทะลุระดับ redline ที่สูงถึง 9,000 รอบต่อนาที
นอกจากนี้เจ้า V-Rod ที่ว่ายังได้รับแรงบันดาลใจมาจากการรถแข่งพันธุ์ drag และการแต่งรถคัสตอมสไตล์ monster ที่ทำให้จอมพลังของเรามีวงล้อตันแบบดิสก์อลูมิเนียม แชสซี่แบบ raked-out เบาะนั่งแบบลาดต่ำพร้อมช่วงหนุนหลัง และชุดสีอลูมิเนียมแบบ anodized โดยทั้งหมดนี้นับได้ว่าเป็นรูปแบบใหม่ล่าสุดในสมัยนั้นที่ทำให้รถตระกูลนี้ได้แจ้งเกิดอย่างภาคภูมินั่นเอง
เพียงแค่เวลาสิบปี รถมอเตอร์ไซค์ฮาร์เล่ย์ตระกูล V-Rod ได้เติบโตพร้อมจำนวนโมเดลใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้น โดยตระกูลนี้ถูกนำไปใช้ในสนามแข่งโดยใช้พื้นฐานรถจาก 2007 CVO V-Rod Destroyer ซึ่งเป็นรถที่การแข่งขันที่ต้องทำความเร็วให้ได้สูงสุดภายในเวลาแปดวินาที นอกจากนี้แล้วรถในตระกูลนี้ก็ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับทีมแข่ง Screamin’ Eagle/Vance & Hines ของฮาร์เล่ย์ที่ได้ แชมป์โลกถึงสี่สมัยในการแข่งขันรถแดรก Pro Stock Motorcycle professional drag racing อีกด้วย และสำหรับปี 2012 ที่จะถึงนี้ โมเดลสองล้อในตระกูลนี้หลายๆ รุ่นจะยังมีการเดินหน้าผลิตต่อไปเพื่อสนองความต้องการด้านสมรรถนะแรงสูงของเครื่องยนต์และนำเสนอสไตล์รถเมืองแบบเท่ๆ สำหรับผู้ขับขี่ที่แสวงหาสิ่งต่างๆ ที่รถในตระกูลจอมพลังนี้จะสามารถให้ได้
รถในตระกูล V-Rod รุ่นปี 2012 จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ Revolution รุ่นล่าสุดชนิดระบายความร้อนด้วยน้ำ แบบ V-Twin ขนาดความจุ 1,250 ซีซีพร้อมเพลาลูกเบี้ยวคู่หรือ DOHC แบบวาล์ว 4 ฝาสูบ และเครื่องยนต์ใช้เทคโนโลยีหัวฉีดอิเล็คโทรนิคส์ ESPFI ระบบส่งกำลังที่ใช้คลัชท์แบบ Assist and Slip ที่เพิ่มการส่งกำลังให้ดีขึ้น ชุดเกียร์ 5 สปีดและสายพานขับเคลื่อนล้อหลังทำจาก carbon-fiber คุณภาพสูง ตัวรถใช้ยางเรเดียลที่มาโรงงานของ Michelin รุ่น Scorcher โดยยางหลังมีขนาด 240 มิลลิเมตร ระบบเบรค Brembo® แบบดิสก์เบรคทั้งหมด 3 จาน โดยสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นเบรค ABS เป็นอุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอีกขั้นหรือไม่ก็ได้ โดยใน Security Package ของตัวรถจะมาพร้อมกับพวงกุญแจรีโมท Smart Security System ที่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับตำแหน่งของตัวกุญแจด้วย
NIGHT ROD SPECIAL -- "อัศวินม้ามืดแห่งรัตติกาล"
อัศวินรัตติกาลผู้น่าเกรงขามอย่างเจ้า Night Rod Special นั้นได้ถูกยกเครื่องใหม่เกือบหมด ด้วยช่วงหลังใหม่รูปทรงเพรียวยาว น้ำหนักของล้อแมกซ์เบาลงโดยการลดขนาด และการพัฒนาท่วงท่าการขับขี่ที่ยึดตามหลักสรีรศาสตร์มากขึ้นโดยลดระยะห่างของพักเท้ากับแฮนด์ให้ใกล้กว่าเดิมที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ ต่อด้วยโช๊คหน้าแบบหัวกลับและระบบกันสะเทือนหลังปรับปรุงใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่และการควบคุม และนั่นเองก็คือที่มาของเจ้าครุยเซอร์ดำสนิทจอมพลังคันนี้เป็นที่กล่าวถึงความมั่นใจในสมรรถนะของมันอยู่เสมอ
ข้อมูลทางเทคนิค
-
เครื่องยนต์ Revolution® ขนาดความจุกระบอกสูบ 1,250 ซีซีระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมยางรองแท่นเครื่อง เครื่องยนต์ใช้เทคโนโลยีหัวฉีดอิเล็คโทรนิคส์ ESPFI ให้กำลัง 125 แรงม้าที่รอบเครื่องยนต์ 8,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 85 ฟุตปอนด์ที่รอบเครื่องยนต์ 7,000 รอบต่อนาที
-
ท่อไอเสียคู่แบบตัดตรง ปลายท่อคู่ปัดเงาพร้อมฝาปิดปลายท่อและแผ่นปิดท่อกันความร้อนสีดำสนิท
-
ใหม่! ล้ออลูมิเนียมสีดำพร้อมจานล้อ 5 ซี่ โดยในรุ่นนี้จะเบากว่าล้อของรุ่นก่อนหน้าอยู่ 3 ปอนด์
-
ใหม่! ช่วงบังโคลนท้ายเพรียวยาวพร้อมไฟท้าย LED แบบตัดเสมอขอบบังโคลน
-
ใหม่! ตุ๊กตาแฮนด์แบบดึงเข้าหาผู้ขับขี่อีก 3 นิ้ว ให้ความรู้สึกว่าเตี้ยลงและมีพื้นที่กว้างขึ้น
-
ใหม่! พักเท้าแบบ forward-mounted ที่ถูกลดระยะลงเพื่อความสะดวกสบายยามขับขี่
-
ใหม่! ระบบโช๊คหน้าแบบหัวกลับ
-
ใหม่! เบาะนั่งสองตอนพร้อมลายปักแบบคัสตอม
-
ใหม่! ชุดแผ่นกันลมหน้ารถสีดำออกแบบอย่างมีสไตล์
-
ใหม่! ชุดแผ่นยึดจับป้ายทะเบียนดีไซน์ใหม่
-
ใหม่! ลายกราฟฟิกสุดคูลให้เลือก ตั้งแต่สีส้มสุดจี๊ด Sedona Orange หรือสีดำประกาย Vivid Black พร้อมกราฟฟิกแบบเจาะช่องเรียงรอบตัวของชุดกล่องแอร์และช่วงท้ายของตัวรถ และ Denim Black ดำยีนส์เดอนิมเล่นลายทางสีส้มสุดคูล
-
เครื่องยนต์สีดำที่ผ่านการทำสีแบบ powder-coated พร้อมฝาปิดสีเดียวกัน
-
ชุดสีดำตลอดคันของเฟรม แฮนด์ ระบบโช๊คหน้า แผงคอ และแผ่นปิด ที่ให้ความกลมกลืนและความสวยงามแบบมีเสน่ห์ของสีดำโทนเข้ม
-
บังโคลนหน้าแบบสปอร์ตพร้อมแหวนรองเล่นสีสัน
-
ยางหลังหน้ากว้าง 240 มิลลิเมตร
V-ROD 10TH ANNIVERSARY EDITION -- “ตำนานสิบปีวี-ร็อด”
โมเดลรุ่นปี 2012 ที่จะมีขายแค่ในปีหน้าเท่านั้น ครีเอทใหม่ตามแบบฉบับของ V-Rod รุ่นดั้งเดิมของปี 2002 โดยครั้งนี้จะมาพร้อมกับชุดสีสุดพิเศษสีเงินมุกเปล่งประกายพร้อมกับเฟรมหน้าคู่สีตัดกันแบบลงตัวที่จัดทำพิเศษเฉพาะรถสองล้อในตระกูล V-Rod สีโครเมียมสว่างอีกเท่าตัวและพิ้นผิวของตัวรถที่ผ่านการปัดเงาให้ความโดดเด่นของเครื่องยนต์ พร้อมท่อไอเสียและชุดแผ่นกันลมหน้ารถสุดเท่ของรถรุ่นนี้เป็นคุณสมบัติที่ไม่เหมือนใครซึ่งคุณสมบัติเยี่ยมๆ ทั้งหมดที่ว่านี้จะถูกเพิ่มเข้าไปในรุ่นสุดพิเศษของเจ้า V-Rod 2012 ตัวนี้อย่างไม่ต้องลังเล
ข้อมูลทางเทคนิค
-
เครื่องยนต์ Revolution® ขนาดความจุกระบอกสูบ 1,250 ซีซีระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมยางรองแท่นเครื่อง เครื่องยนต์ใช้เทคโนโลยีหัวฉีดอิเล็คโทรนิคส์ ESPFI ให้ 125 แรงม้าที่รอบเครื่องยนต์ 8,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 85 ฟุตปอนด์ที่รอบเครื่องยนต์ 7,000 รอบต่อนาที
-
ใหม่! ท่อไอเสียตรงแบบออกคู่ พร้อมปลายท่อแบบตัดเฉียงและแผ่นกันความร้อนปิดท่อไอเสียสีโครเมียม
-
ใหม่! ล้อสีอลูมิเนียม 5 ก้าน เล่นลายแบบ diamond cut
-
ใหม่! ตุ๊กตาแฮนด์แบบดึงเข้าหาตัวที่มาพร้อมพื้นผิวปัดเงา
-
ใหม่! ระบบโช๊คหน้าหัวกลับสีเงินและพื้นผิวปัดเงา
-
ใหม่! ชุดแผ่นกันลมสีโครเมียมแบบมีดีไซน์
-
ใหม่! ลายกราฟฟิกแบบเอกซ์คิวซีฟ พร้อมด้วยป้ายโลหะ V-Rod รุ่นครบรอบสิบปี
-
ใหม่! ระบบส่งกำลังสีโครเมียมพร้อมด้วยห้องเสื้อสูบและฝาสูบทำจาก platinum
-
ยางหลังช่วงกว้าง ขนาด 240 มิลลิเมตร
V-ROD MUSCLE -- "กล้ามโตจอมพลัง"
แค่ได้ยินได้ฟังจากชื่อน่าจะทำให้รู้อยู่แล้วว่าเจ้าครุยเซอร์กล้ามโตตัวนี้จอมพลังแค่ไหน โดยเจ้า V-Rod Muscle คันนี้เกิดมาเพื่อสนองความต้องการของนักบิดที่ต้องการความร้อนแรงของเครื่องยนต์ยามได้ซิ่งไปบนถนนพร้อมๆ กับการควบคุมรถที่แม่นยำดั่งใจด้วยพลังอันน่าเกรงขามของเจ้ากล้ามโตคันนี้ โดยสไตล์รวมๆ จะประกอบไปด้วยช่องดักลมด้านข้างรถขนาดกว้างๆ พร้อมแผ่นปิดกรองอากาศ ท่อไอเสียคู่สีโครเมียมเนื้อผิวหยาบโทน satin พร้อมปลายท่อปากกว้างลำตัวอ้วนใหญ่ ช่วงท้ายย่อส่วนให้สั้นลง และบังโคลนหลังที่ถูกหั่นเผยให้เห็นล้อหลังโตๆ ขนาด 240 มิลลิเมตร ช่วงเบาะลาดต่ำพร้อมเบาะสูงด้านหลังที่ให้ความกระชับแน่นยามที่ต้องเจอแรงบิดมหาศาลของเครื่องยนต์ Revolution V-Twin ทะลุทะลวงไปบนถนนด้วยแรงอันทรงพลังของมัน
ข้อมูลทางเทคนิค
-
เครื่องยนต์ Revolution® ขนาดความจุกระบอกสูบ 1,250 ซีซีระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมยางรองแท่นเครื่อง เครื่องยนต์ใช้เทคโนโลยีหัวฉีดอิเล็คโทรนิคส์ ESPFI โดยเจ้าสองล้อรุ่นนี้จะให้ 122 แรงม้าที่รอบเครื่องยนต์ 8,250 รอบต่อนาทีซึ่งน้อยกว่าสองรุ่นที่พูดถึงไปก่อนหน้า แต่จะถูกทดแทนด้วยแรงบิดที่เพิ่มขึ้นคือสูงสุด 86 ฟุตปอนด์ที่รอบเครื่องยนต์ 6,500 รอบต่อนาที
-
ท่อไอเสียคู่สีโครเมียมเนื้อหยาบโทน satin พร้อมปลายท่อแบบปากกว้าง
-
ใหม่! ป้ายโลหะ V-Rod ครบรอบสิบปี
-
ล้ออลูมิเนียมสีดำ 5 ก้าน
-
บังโคลนหน้าแบบสปอร์ตพร้อมแหวนรองสีดำและช่วงหลังสีดำทึบ
-
แฮนด์อลูมิเนียมปัดเงาพร้อมตุ๊กตาแฮนด์
-
แผงคอทำจากอลูมิเนียมปัดเงา
-
บังโคลนหลังหั่นออกเล็กน้อย
-
ช่องดักลมด้านข้างตัวรถรูปทรงโค้งมนพร้อมชุดแผ่นปิดกรองอากาศ
-
รังผึ้งครอบช่องดักลมเข้าหม้อน้ำช่วยระบายความร้อนแบบคู่สีแมทซ์กัน
-
ไฟเลี้ยวหน้า LED ติดตั้งบนก้านกระจกมองหลัง
-
ไฟ LED หลัง ติดตั้งบนบังโคลนหลังที่จับเอาไฟท้าย/ไฟเลี้ยว/ไฟเบรค มารวมไว้จุดเดียวกัน
-
กรอบป้ายทะเบียนแบบติดด้านข้าง
-
ระบบโช๊คหน้าหัวกลับขนาด 43 มิลลิเมตร
-
โช๊คหลังออกแบบพิเศษพร้อมสปริงสีดำ
-
เฟรมรถสีดำ
-
เบาะนั่งชิ้นเดียวแบบสองตอนที่ให้ช่วงเบาะลาดต่ำตามแบบฉบับของรถพันธุ์ drag
ที่มา
http://motorsportsnewswire.wordpress.com/2011/07/20/10-years-after-the-revolution-v-rod%C2%AE-powers-onward0720114/