อินเทอร์วิว 2009 Indian chief – ความภาคภูมิใจของชนเผ่า “Indian”
โมเดลรุ่นใหม่ล่าสุด จากบริษัทรถจักรยานยนต์เก่าแก่ที่สุดในอเมริกา
โดย อลัน แคชคารท ภาพ โดย ทอม ไรล์
แปลจากบทความของ Motorcyclistonline
โดย HDP Freelance Translator
ผมกำลังมุ่งหน้าจากบ้านใหม่ของบริษัท อินเดียน ในหุบเขา Kings mountain , รัฐ นอร์ท แคโรไลนา ไปทางตะวันตกสู่เนินเขา Appalachian อย่างหนึ่งที่ทำให้ผมเข้าใจในทันทีคือ รถ Indian Chief ตัวใหม่นี้คือรถอเมริกันครุยเซอร์ วี-ทวิน ที่ขับขี่สบายที่สุดที่เคยสร้างกันมาทีเดียว โดยตำแหน่งของการขับขี่อยู่ในตำแหน่งที่ผ่อนคลาย ขาทั้งสองยื่นออกไปข้างหน้าพอเหมาะเพื่อให้อำนวยในการควบคุมรถ , อานคนขับทำด้วยหนังแท้คุณภาพสูงและแข็ง ถูกวางตำแหน่งไว้ต่ำ เพื่อป้องกันอาการ “ก้นชา” ไว้อย่างน่าชมเชย แม้ผ่านระยะทางกว่า 200 ไมล์มาแล้ว ประกอบกับแฮนด์เดิลบาร์ (Handle bar) ที่ดึงมาข้างหลังเมื่อได้ลองสัมผัสแล้วปฎิเสธไม่ได้เลยว่าทำให้รู้สึกสบาย ขณะควบคุมรถแม้ว่าคลัชจะแข็งอยู่สักหน่อย Indian Chief ตัวใหม่นี้เป็นรถที่เหมาะสำหรับการวิ่งเก็บสะสมไมล์อย่างที่รถ cruiser คันหนึ่งจะเป็นได้
Indian ที่เปิดตัวใหม่นี้ นำโดย สตีเฟน จูเลียส สัญชาติอังกฤษ ประธานบริษัท ได้นำเสนอ Indian Chief ตัวใหม่ใน 4 รุ่นแตกต่างกัน แต่ละรุ่นมีรายละเอียดเพิ่มขึ้นจากตัว Standard ที่เราได้ทดลองในรีวิวนี้ ได้แก่ รุ่น Deluxe ที่มี เสปคสูงกว่าด้วยบังโคลนลึกคลุมล้อเกือบมิด แบบอเมริกันดั้งเดิม, Roadmaster ที่เป็นรถไสตล์น้องๆทัวริ่ง มาพร้อมวินชิลด์กันลมและกระเป๋าสัมภาระหนังอ่อน หรือจะเป็นตัวท๊อป ที่ออกแนวย้อนยุค ที่มีชื่อVintage ทั้งสี่รุ่นจะใช้เฟรมเหล็กกลวง, ระบบกันสะเทือน, ชุดเกียร์ และ เครื่องยนต์สูบวีหรือที่เราๆเรียกกันว่า วี-ทวินขนาด 105 ลบ.นิ้ว เหมือนๆกัน
ด้วยระบบไฟฟ้าแบบปิด, ระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีดไฟฟ้า หรือ Sequential-port electronic fuel injection ซึ่งมากับเกียร์ baker 6 สปีด ซึ่งเป็นรูปแบบคุ้ยเคยกันดีจากโรงงาน Powerplus ที่มีประสบการณ์กับรถอเมริกัน วี-ทวินแบรนด์นี้ มอเตอร์สตาร์ทอันบึกบึนขนาด 1.5 กิโลวัทท์ จุดกำเนิดการเผาไหม้ให้กับเครื่องวีทวิน 1,720 ซีซี ซึ่งขับเคลื่อนจังหวะเครื่องยนต์ที่มีพลังและนุ่มนวลในคราวเดียวกัน เสียงเครื่องยนต์รู้สึกถึงความเงียบและสุขุมขณะเดินเครื่อง มีเสียงแปลกปลอมของเครื่องยนต์น้อยมาก และเมื่อเปลี่ยนเกียร์ ตำแหน่งองศาของการงัดเกียร์ขึ้นลงทำให้การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปได้ด้วยดี แรง Torque ที่แน่นและระบบการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ช่วยให้ Chief Standard คันนี้ ออกตัวได้ดีจนทำให้คุณลืมไปเลยว่ามันมีน้ำหนักแบบแห้งๆ 738 ปอนด์ (335 กิโลกรัม)
แน่นอน ข้อแลกเปลี่ยนของแรงต้นที่มากก็คือแรงปลายจะไม่ไหล เกียร์สูงสุดที่เริ่มวิ่งด้วยความเร็ว 60 ไมล์/ชั่วโมงทำให้รู้สึกเฉื่อยเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์อเมริกันวีทวินในเส ปคเดียวกัน (คุณต้องสับเกียร์ลงหนึ่งเกียร์หากต้องการให้เกิดอัตราเร่งแบบเดยวกัน) แต่Indian Chief ตัวนี้ก็ถือว่าไม่เลวในการทำความเร็วเพียงแต่คุณต้องเล่นกับเกียร์นิดหน่อย เท่านั้นเอง
ด้วยความที่ไม่มีระบบ Counter Balance แรงสะเทือนจากเครื่องยนต์วีทวิน 45 องศาที่ถูกติดตั้งบนเฟรมโดยไม่มียางรองแท่นเครื่อง ก็เป็นปํญหาอีกอย่างหนึ่ง แรงสั่นสะเทือนจะเริ่มรู้สึกได้ตรงที่พักเท้า (แต่ไม่ใช่ตรงเบาะและhandle bars) เมื่อรอบเครื่องอยู่ที่ 2600 รอบต่อนาที (ซึ่งเทียบขณะที่อยู่ในความเร็ว 70 ไมล์ต่อชั่วโมงที่เกียร์หก) และเมื่อถึงระดับรอบเครื่องสูงสุดที่ 5000 รอบ รถมีอาการสั่นมากเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ทวินแคมของฮาร์เลย์-เดวิดสันที่ ติดตั้งตัว ถ่วงศูนย์หรือ Counter Balance แล้ว
กลับมาดูที่การควบคุมบ้าง อย่างไรก็ตาม Indian Chief ตัวนี้เมื่อดูความสบายในการขับขี่ เทียบกับรถ cruiser ตัวอื่นแล้ว เป็นที่แน่นอนว่าเครื่องยนต์ที่ติดตั้งบนเฟรมโดยไม่มียางรองแท่นนั้นสร้าง ความลำบากในการบังคับเลี้ยว (การติดตั้งบนยางรองแท่นเครื่องจะช่วยซับแรงสั่นสะเทือน) แต่อย่างน้อยที่สุด ยางหลังที่หน้ากว้าง 2.9 นิ้วของ Chief คันนี้สามารถซับแรงกระแทกจากรอยต่อและรอยร้าวบนถนนได้ดี โชคอัพของ Paioli จะช่วยได้มาก หากสปริงตัวได้อย่างนุ่มนวลกว่านี้นิดนึง ส่วนเบรค Brembo ให้แรงหยุดได้ดีอย่างเหนือความคาดหมาย ยาง Michelin Commander เกาะถนนได้ดีพอที่จะเทโค้งได้อย่างมั่นใจโดยไม่ต้องห่วง Footboard ด้านซ้ายหรือท่อไอเสียด้านขวาเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วปานกลาง ทั้งหมดนี้วิเคราะห์และทดสอบโดยการขับขี่ของ ฌอง-มาร์ค เดวิด (ที่ได้ทดสอบ รถ Victory ก่อนหน้านี้)
สมรรถนะของรถ และการควบคุมโดยรวมอยู่ในระดับดี แต่ว่าที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือเสน่ห์ที่ดึงดูดผู้คนในขณะที่ได้ขับขี่เจ้า Chief เป็นตัวชี้วัดได้ถึงความยอดเยี่ยมของประสบการณ์บนอาน Indian ตัวใหม่ หลังจากที่ผมได้ลอง MV Agusta F4 750 ซึ่งเป็น รถต้นแบบเมื่อสิบปีก่อน ไม่มีรถคันไหนนอกจาก Chief ที่สามารถดึงสายตาผู้คนสองฝั่งถนนให้อิจฉาจนอ้าปากค้างเลย และสำหรับเจ้าของรถ Indian แน่นอนว่าคุ้นเคยดีแล้วกับความรู้สึกเวลาขี่ผ่านแล้วผู้คนให้ความสนใจกับ เจ้า Chief และรับรู้ได้ว่ารถยี่ห้อนี้มีชื่อเสียงในสายของ “รถอเมริกันคลาสิค” และนี่อาจเป็นสุดยอดของรถที่ผู้คนต้องจับตามอง
และไม่มีข้อโต้เถียงว่าไม่สามารถมองข้ามรูปลักษณ์ภายนอก ของ Indian Chief ไม่ว่าจะเป็นมุมมองจากบนอาน หรือว่ายืนดูห่างๆ ด้วยไฟหน้าโครเมี่ยมดวงยักษ์ ที่ขนาบข้างด้วยสปอทไลท์คู่ ผมประทับใจมากหลังจากที่ขับขี่เจ้า Indian Chief 2009 รถคันนี้สร้างขึ้นด้วยคุณภาพโดยแท้ เมื่อได้เห็นความมีมิติอย่างหมดจดของโครเมี่ยม สีที่เงางามและนุ่มนวล ซึ่งได้ถูกตกแต่งด้วยริ้วสีและโลโกแบรนด์ ประกอบกับงานหนังที่หรูหรา, รถ แบรนด์ Indian ก็ได้คืนชีพอีกครั้ง และหวังอย่างยิ่งว่า จะอยู่ไปอีกนาน.....
|