2009 บิ๊กแบร์ชอปเปอร์ GTX – รถทัวร์ริ่งจากค่ายบิ๊กแบร์ – ทดสอบครั้งแรก!
จักรยานยนต์ที่สร้างมาโดยคนจริงและอย่าดูมันแค่ภายนอก
โดย บิลลี่ บาเทลส์
ภาพโดย บิลลี่ บาเทลส์, แอนดี เมเดอส์
แปลจากบทความของ Motorcycle Cruiser
โดย HDP Freelance Translator
คุณอาจไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้ในช่วงเวลานี้ ว่าชอปเปอร์ตายแล้ว เด็กรุ่นใหม่ที่เท่ห์ๆกำลังขี่รถชอบเปอร์แบบ Home-built rat และ เหล่า Texans กับ SWEDES ที่มีรูปลักษณ์สูงและยาวอย่างน่าขัน (ด้วยความนับถือจากผู้เขียน) แต่ความตั้งใจและจุดประสงค์ทั้งหมดทั้งมวลนั้นต้องการบอกว่า ยุคของ OCC ออเรนจ์เคาน์ตี้ชอปเปอร์ และ WCC เวสโคสต์ชอปเปอร์ เป็นหนึ่งในคอลัมภ์ 500 อันดับสินค้าที่ใกล้จบตำนานแล้ว และที่สำคัญยิ่งไปกว่าคือ ตอนนี้ ยุคของการสร้างรถชอปเปอร์ด้วยเงิน 50,000 ดอลลาร์ยิ่งตายไปกว่ากระโปรงเดนิม, ลายเสือดาว และ ถุงเท้าย่นแบบญี่ปุ่นเสียอีก ต้องมีใครสักคนลืมบอกให้ เควิล อัลสอปแน่ๆ ( Kevin Alsop)
ความเป็นไปได้ก็คือ ไม่สิ จริงๆแล้ว มีคนบอกเค้าไปแล้ว แต่เควินไม่ได้สนใจห่าเหวอะไรเลย รถเหล่านั้นคือรถที่เขาสร้างขึ้นมาและเขารักมัน และ นั้นคือตัวตนของเขา บริษัทของเขา บิ๊กแบร์ชอปเปอร์ (Big Bear Choppers) หรือ BBC อาจเข้ามาช้าหน่อยในวงการนี้ ที่เริ่มใส่เกียร์เดินหน้าเต็มกำลังสร้างสรรค์ผลงานแค่ปี 2002 แต่เป็นการเดินหน้าที่สำคัญสำหรับการได้กลับมาเจออะไรดีๆอีกครั้งหนึ่ง เราเจอบริษัทแห่งนี้ครั้งแรกกับกองทัพขนาดยักษ์ของรถตัวอย่างที่งาน Daytona bike week ในปี 2006 ย้อนไปเวลานั้นบริษัทนี้สร้างรถ 100 คันขึ้นไปต่อเดือน และความสามารถที่จะขยายการผลิตได้ถึง 200-300 คันต่อเดือนหากต้องการ ถึงจะไม่จำเป็นที่จะต้องบอกแต่นั่นไม่ใช่ตัวเลขการผลิตในขณะนี้ ทั้งที่นับรวมไปถึงรถที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว และ ชุดสร้างรถ(kits bike) ต่างๆ ที่ผลิตออกมาให้เครือข่ายตัวแทนจำหน่าย( 67 ตัวแทนในอเมริกา, 21 ตัวแทนทั่วโลก)ที่บริษัท BBC ผลิต โดยอัตราการผลิตของเดือนที่กำลังเขียนบทความอยู่นี้อยู่ทีเพียง ราวๆ 30 คันเท่านั้น
ด้วยวิสัยทัศน์และความบ้าคลั่งในสไตล์ Bagger ได้เริ่มออกจังหวะจะโคนในช่วงปีที่แล้ว, เควิน (ซีอีโอ และ หัวหน้าดีไซเนอร์แห่งสำนัก BBC) มีความคิดที่จะสร้างรถที่สามารถขี่ได้ไกลๆ ผลลัพธ์ก็คือเจ้า GTX ซึ่งย่อมาจาก Grand Touring X-Wedge (ทัวร์ริ่งไซส์บิ๊กใช้เครื่องยนต์ยี่ห้อ X-Wedge) แต่คันที่เราได้ทดสอบนี้เป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไปจาก S&S รุ่น Smooth 100
เมื่อชำเลืองมองครั้งแรกมันดูไม่เหมือนรถ bagger เลย แน่นอน มันมีกระเป๋า, กระเป๋าที่ขนาดกำลังเหมาะที่ตรงนั้น แต่รถทั้งคันดูเหมือนงานคัสตอมชิ้นเดียวมากกว่าที่จะเป็นรถที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ซัดบนถนนอย่างไม่มีคำว่าปราณีกับระยะทางที่ไม่สิ้นสุดบนถนนหลวงข้ามรัฐหรือเส้นทางชนบท ด้วยรูปลักษณ์ของรถยาวและต่ำ ให้รูปลักษณ์ที่ก้าวร้าว, สาดด้วยโครเมี่ยม และแทนที่จะถูกหุ้มด้วยแฟรริ่งรอบตัวถังกลับถูกหุ้มด้วยเฟรมเปลือย ประกอบกับชิ้นส่วนต่างๆทำให้เกิดเส้นสายที่นวลตาของรถจักรยานยนต์คันนี้
เควินและทีมงานของเขาได้ทดลองทบ
ทวนคอนเซปต์ทั้งหมดของรถไสตล์ทัวริ่ง ซึ่งจากประสบการณ์ในรถคัสตอมของพวกเขา นักขี่ทั้งหมดที่เปลี่ยนรถจากสไตล์bar-hoppers(รถแนวแฮนด์โหน,เดฟ ฯลฯ) ไปเป็นสไตล์ road-burners(วิ่งทางไกล) พวกเขาไม่ได้ชอบรถที่ สูง,อ้วน,สั้นในทันทีทันใด และพวกเขาแทบไม่มีตัวเลือกเลยหากต้องการรถทัวร์ริ่งสักคัน เควินและทีมงานจึงจับเอาเส้นสายของรถโปรสตรีทและเสริมความยาวอีก 12 นิ้วที่กึ่งกลางรถจึงทำให้เกิดรถที่ทั้งตำแหน่งที่นั่งผู้โดยสารและคนขับอยู่ข้างหน้าล้อหลัง BBCคิดว่านั่นเป็นความคิดที่ดีเห็นๆ การใส่คนลงไปตรงกลางระหว่างล้อหน้า-หลังไม่แค่เพียงทำให้น้ำหนักตกลงที่จุดศูนย์กลางเท่านั้น หากแต่จะได้โชว์ออฟล้อหลังมโหฬารขนาด 300 มิลลิเมตรข้างใต้บังโคลนทรงมนโค้ง แม้แต่กระเป๋าข้างที่หลบเล็กน้อยจากการที่ถูกกำหนดตำแหน่งไปข้างหน้านิดหน่อยเมื่อดูจากรูปทรงโดยรวมของเครื่องจักรคันนี้
เครื่องยนต์เป็น S&S Super Sidewinder (พื้นฐานมาจากเครื่องยนต์ ฮาร์เลย์ อีโวลูชั่น) ถูกสร้างขึ้นในเสปคของ BBC และให้ชื่อว่า 100 Smooth ความลับของเจ้า Smooth ก็คือ มันมีอัตราส่วนกำลังอัด(Compression ratio)ที่ต่ำ ซึ่งทำให้ลดการเกิด violent combustion cycle หรือวงจรของการสันดาปที่รุนแรง ซึ่งก่อให้เกิดกำลังที่เป็นเสถียร ด้วยเฟรมแข็ง เครื่องทวิน 45 องศา โดยที่ไม่ได้มีอุปกรณ์ counterbalance มันก็ยังเป็นเครื่องเขย่าถังสีดีๆนี่เองเมื่อเครื่องยนต์ทำงานในรอบเครื่องสูงๆ แต่สำหรับท่านทั้งหลายที่คุ้ยเคยดีกับเครื่องยนต์ในระดับประมาณนี้ แน่นอนคุณจะเห็นความแตกต่างในทางที่ดีขึ้น ระบบขับเคลื่อนเป็นเกียร์ Baker 6-speed ขับขวา ซึ่งทำให้สามารถยัดยางหลังอ้วนๆขนาด 300 มิลลิเมตร โดยที่ไม่ต้อง offset เครื่องยนต์และเกียร์ให้อยู่ข้างเดียวกัน กระเป๋าทั้งสองที่ยาวและประดิษฐ์ให้มีลักษณะแหลมเรียว แต่สามารถจุจำนวนสัมภาระได้เหมาะสมตราบใดที่มันสามารถยัดได้ลงไปในช่องกระเป๋ายาวๆได้ กระเป๋าไฟเบอร์กลาสนี้เป็นถูกสร้างขึ้นให้มีความแข็งแบบสุดๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี อย่างที่ใครหลายคนชอบที่จะปิดกระเป๋าด้วยการกระแทกฝาแรงๆ (เหมือนที่ผมทำกับรถ Caprice แก่ๆของผม) อย่างที่บอก รอยเชื่อมต่อรอบๆกระเป๋าทำให้มันดูแข็งแรงอย่างที่สุด แต่น่าเสียดายที่เราไม่มีโอกาสทดสอบประสิทธิภาพในการป้องกันน้ำของเจ้ากระเป๋านี้
ส่วนแฮนด์และอุปกรณ์ต่างๆดูเรียบง่าย มากับจุดเด่นที่สังเกตุได้อยู่เล็กน้อย เกจ์อนาลอก(analog)เดี่ยวที่มีรูปลักษณ์เหมือนเกจ์ความเร็วธรรมดา แต่จริงๆแล้วประกอบไปด้วย ไฟเตือนระดับน้ำมันเชื่อเพลิง, เกจ์วัดระยะทาง, สัญญานไฟเลี้ยว, สัญญานไฟสูง, ความดันน้ำมัน และ ไฟบอกตำแหน่งเกียร์ว่าง ชุดควบคุมมีรูปร่างและให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยดีสำหรับสิงห์ฮาเลย์ทั้งหลาย เนื่องจากมันเป็นชิ้นส่วน aftermarket ของฮาเลย์ เพียงแต่ถูกชุบโครเมี่ยมหนาๆเท่านั้นเอง ฟูทคอนโทรล์ที่ประกอบด้วย มินิฟลอร์บอร์ดที่สามารถปรับตำแหน่งได้หลากหลาย โดยเลื่อนไปข้างหน้าและถอยกลับหลังได้ และยังสามารถ เอียงโน้มไปทางหน้าหรือหลังได้อีกด้วย ผู้ทดสอบของเราคนหนึ่งที่มีรูปร่างเล็กคิดว่านี่เป็นฟลอร์บอร์ดที่ดีที่สุดเท่าที่เคยสัมผัสมาเลยทีเดียว ฟลอร์บอร์ดสำหรับผู้โดยสารถูกออกแบบมาเหมือนกันและสามารถปรับตำแหน่งได้คล้ายๆกัน
เมื่อได้นั่งลงบน GTX เป็นครั้งแรก พวกเราแปลกใจที่เราสามารถจับแฮนด์ได้ทันที สำหรับเครื่องจักรที่มีรูปลักษณ์แบบสุดขีดแบบนี้ คุณต้องคิดไว้เลยว่ามันจะต้องมีตำแหน่งขับขี่แบบโรคจิตๆ, แปลกประหลาดเหมือนงานเขียนของ Marquis de Sade แต่เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่การทรมานตัวเองเพื่อไสตล์ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของงานออกแบบจาก Big Bear Chopper เบาะนั่งต้องใช้เบาะที่มีความหนาแน่นกว่านี้หากต้องการวิ่งระยะไกล ผู้ทดสอบของเราคนหนึ่งที่มีน้ำหนักตัว 190 ปอนด์นั่งลงและรู้สึกถึงวัตถุที่แข็งอยู่ใต้เบาะของรถคันนี้ แต่ท่านั่งที่ตั้งตรงและเท้าทั้งสองที่ยื่นไปข้างหน้าทำให้เกิดความรู้สึกให้ขี่ไปได้เรื่อยๆ และเราก็ขี่ไปเรื่อยๆจริงๆ เราได้วิ่งออกมาตั้งแต่ทะเลสาบBig Bear, จากภูเขาสู่ทะเลทรายทางเหนือของ เทือกเขา San Bernardino
อย่างที่คาดไว้ รถจักรยานยนต์ที่ยาวและต่ำขนาดนี้คุณไม่สามรถควบคุมมันเหมือนเฉกเช่นครุยเซอร์ทั่วไป ผมมีโอกาสน้อยนักที่จะได้ขี่รถที่มีล้อหน้า 21นิ้ว, ล้อหลังใหญ่กว่า 250 มิลลิเมตรที่ผมจะสามารถควบคุมรถได้อย่างง่ายดาย( เป็นข้อยกเว้นในของรถ Paradox ของค่าย BBC, ดู side bar) และคันนี้ก็เช่นเดียวกัน ยางที่อ้วนฉุและฐานล้อที่กว้างร่วมกันทำให้การเลี้ยวค่อนข้างยาก และยากขึ้นเมื่อคุณต้องเอี้ยวตัวดึงรถกลับเพื่อเลี้ยวไปอีกด้าน หากคุณชอบรถที่สามารถควบคุมได้อย่างว่านอนสอนง่ายแล้ว นี่ไม่ใช่ตัวเลือกของคุณอย่างแน่นอน บนถนนคดเคี้ยว(อย่างเส้นทางบนภูเขาเมื่อผ่านทะเลสาบBig Bear) รถคันนี้ต้องใช้ความตั้งใจอย่างมากเพื่อขี่มัน แต่ไม่ใช่ว่านั่นจะเป็นข้อเสียแต่เพียงอย่างเดียว ข้อดีของมันก็คือความเสถียรที่เป็นแผนการเมื่อรถคันนี้ถูกออกแบบ และเมื่อวิ่งที่ความเร็วตัวเลขสามหลักบนไฮเวย์ มันถูกออกแบบมาไม่ให้ส่ายเหมือนรถทัวร์ริ่งทั่วไป ในความนุ่มนวลนี้เองเปลี่ยนการควบคุมให้เป็นความเบาสบาย และ มันไม่จำเป็นเลยที่จะต้องแก้ไขปัญหาเล็กน้อยที่พูดถึงก่อนหน้านี้
เมื่อเราลองขย่มเจ้า GTX เพื่อเร่งมันระหว่างทางเลี้ยวบนภูเขา มันใช้เวลานานอย่างน่าประหลาดเพื่อให้ชิ้นส่วนของรถแตะกับพื้นถนน และในจุดนั้นคุณได้ใช้แรงอย่างมาก แต่มันก็แทบจะไม่เป็นอะไรเลย จะเป็นก็แต่เมื่อเจออุปสรรคหรือหลุมเนินบักกลางโค้งที่ความเร็วที่ซึ่งจะทำให้คุณหลุดโค้งได้(ไม่ว่าจะเลี้ยวหรือไปตรง) แต่ถึงกระนั้น หลังจากการกระแทกมันกลับทรงตัวได้เอง การตอบสนองของระบบกันสะเทือนเป็นไปได้อย่างดีเยี่ยมสำหรับรถที่ยาวและต่ำอย่างนี้(โดยเฉพาะรถล้อหลังใหญ่ขนาดนั้น) โช๊คอัพของProgressive Suspension และ โช๊คอัพหน้าของ BBC สร้างสรรค์การขับขี่ที่ให้ความสบายมากทีเดียว
เครื่องยนต์ 100 Smooth ถูกสร้างขึ้นตามชื่อของมันเพื่อขอบเขตบางอย่าง : สำหรับเครื่องยนต์ที่ไม่มียางรองเครื่อง (rubber mounted) แน่นอนที่สุดมันไม่ได้แตกต่างอะไรจากรถสปอตเสตอร์คันเก่าของผมตอนอยู่มหาลัยหรอก ณ ตำแหน่งเกียร์ว่างและรอบเดินเบาเครื่องยนต์ค่อนข้างเรียบ ถ่ายทอดจังหวะเสียงคำรามแบบพอดีๆ เมื่อเร่งเครื่องความสั่นก็เพิ่มขึ้นตามมา ทำให้ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องใส่เกจ์วัดรอบเข้าไป เมื่อเริ่มเดินเครื่องและอุ่นเครื่องรถเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับเครื่อง S&S ที่ติดตั้งระบบ EFI แล้ว ซึ่งแปลว่าคุณไม่ต้องดึงโชคหรืออะไรแบบนั้นเลย แต่อย่างไรก็ตาม พลัง(ที่วัดโดยเครื่องที่ไม่เคยผิดพลาด “ไดโนโมมิเตอร์ก้น” ) ไม่ได้สร้างความประทับใจมากนักสำหรับเครื่อง 100 ลบ.นิ้ว (1675 ซีซี) มันมีกำลังพอตัวประกอบกับที่มันถูกออกแบบมาไม่ให้วิ่งแบบโหดๆ มันยังไม่สามารถดึงกำลังมากกว่าที่บอกไว้ที่ 95 ไมล์ต่อชั่วโมงที่เกียร์สูงสุด(โอเวอร์ไดร์ฟ) การตบเกียร์ลงทำให้มันแรงขึ้นมาเป็นสามเท่า แต่ก็ทำให้อาการสั่นเกิดขึ้นอีก
ระบบเบรกดูเหมือนมีประสิทธิภาพ แต่โรงงานต้องไล่สายเบรกให้ดีกว่านี้ เบรกหน้าเมื่อบีบแล้วแทบติดกับแฮนด์และมีความรู้สึกนุ่มเมื่อบีบแต่ก็ทำให้รถหยุดได้อย่างรวดเร็ว ส่วนแป้นเบรคหลังสามารถทำให้รถหยุดได้โดยไม่ต้องลุ้นกันมากนัก
เมื่อลงมาจากภูเขาและกำลังวิ่งข้ามหมู่บ้าน Lucerne รถ GTX คันนี้กลับมาสู่ตัวตนของมันอีกครั้ง วิ่งบนถนนตรงยาว เครื่องยนต์วิ่งได้จังหวะของมัน คุณสามารถใส่เกียร์หก(โอเวอร์ไดรฟ์)และลากให้มันไหลไปเรื่อยๆ ระบบกันสะเทือนช่วยให้มันวิ่งไปได้ด้วยดี มันมีอีกเวอร์ชั่นของ GTX ที่มาพร้อมกับแฟร์ริ่งที่ใหญ่กว่าช่วยให้ตีลมออกไปจากตัวรถแต่เราก็ไม่ได้ลองมันในวันนี้, แต่ไม่เป็นไร
ว่าแล้ว นี่ก็คือรถbaggerตัวเลือกใหม่ แต่มันคุ้มค่าในการขับขี่กับราคา 35,000 เหรียญไหม?? หากคุณต้องการความปราณีตจากบริษัทผู้ผลิตรายใหญ่, พลังของเครื่องยนต์รุ่นใหม่ที่มีความจุกระบอกสูบมาก และราคาต่ำกว่า 20,000 เหรียญ คุณหาผิดที่แล้ว แต่หากว่าคุณกระหายรถที่เป็นรถพิเศษ หรืออาจชอบรถคัสตอมหรือรถproduction chopper แต่ไม่มีเวลาในวันหยุดสุดสัปดาห์มากนัก นี่เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียว นี่เป็นรถที่คำจำกัดความของมันคือ รถที่มีประสิทธิภาพสูงในรูปลักษณ์ที่ตรงกันข้าม มากับเหล็กเป็นท่อน, โครเมียม และ เส้นสายที่เตือนให้คุณนึกถึงรถ hotrod ของพ่อคุณ
PARADOX
Paradox เป็นญาติมาดเท่ห์ของ GTX เกิดจากการออกแบบเหมือนกัน แต่มากับเฟรมที่ถูกปิดและเส้นโครงสร้างของรถ Paradoxถูกออกแบบมาเพื่อทำหน้าที่ต่างจาก GTX แทนที่จะเป็นทัวริ่งในไสตล์คัสตอมแต่มันคิดค้นมาเพื่อใส่ยางที่ใหญ่ที่สุดในโลก (130/60x23 นิ้ว สำหรับล้อหน้า และ 280/40x20นิ้วสำหรับล้อหลัง ) และ ทำให้สร้างความรู้สึกในการขับขี่เหมือนรถจักรยานยนต์จริงๆ สิ่งหนึ่งที่ดีเกี่ยวกับคนใน BBC ก็คือพวกเขาเต็มไปด้วยบุคคลที่มีความคิดสร้างสรรค์ที่สุดในโลก และนั่นคือโอกาสสำหรับพวกเขาในการสร้างรถจักรยานยนต์ที่ ไม่ต้องมีground clearance ที่พอเหมาะและการควบคุมที่ไม่จำเป็นต้องดีเยี่ยม เพราะเราไม่จำเป็นต้องขี่paradox เป็นระยะทางจริงๆเหมือนกับที่ขี่ GTX เราก็ได้ทดลองขี่เจ้า paradox ในระยะใกล้ๆเพื่อดูว่ามันเป็นอย่างไรบ้าง
เราตกหลุมรักมันอย่างรวดเร็วและนี่อาจเป็นผลิตภัณฑ์ที่เราชอบมากที่สุด(ต้องขอโทษ Honda Rage ด้วยที่เราไม่ได้ขี่มันด้วยเหตุผลบางประการ) สำหรับบางอย่างที่ดูสุดขีดแล้ว เราสามารถควบคุมเจ้านี่ได้เหมือนรถคันเล็กๆ ทั้งนักขี่ที่มีรูปร่างสูงและต่ำสามารถหาตำแหน่งการขับขี่ที่สบายได้ และระหว่างตัวเครี่อง S&S X-Wedge และ คุณแค่เอนหลังไปในท่าของมันแล้วคุณจะไม่สามารถหยุดความรู้สึกว่าคุณคือลูกพี่ใหญ่แถวนั้น ไม่เหมือนกับ GTX ที่คงต้องร่วงตอนเข้าโค้งแน่ๆ โดยธรรมชาติแล้วมันไม่ได้มีรูปลักษณ์ที่ต้องวิ่งบนไฮเวย์ แต่ถ้ารอบๆเมืองหรือขี่ระยะทางไม่ไกลนัก มันเป็นรถที่เหมาะสมมากทีเดียว
แต่ยังมีข้อติอยู่เล็กน้อยอย่างเรื่องเบรกที่นุ่มนิ่มซึ่งเหมือนจะเป็นเครื่องหมายของ BBC เลยก็ว่าได้ และ ส่วนแฟร์ริ่งรอบๆที่ดูไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ดีนี่เป็นชอปเปอร์ที่ไว้ใจได้ทีเดียว
|