รถมอเตอร์ไซค์เชื้อสายอเมริกัน “Harley-Davidson Sportster” ถูกผลิตครั้งแรกในปี 1957 เป็นคู่แข่งสำคัญของรถมอเตอร์ไซค์สัญชาติอังกฤษที่กำลังทำตลาดรถสองล้ออย่างดุเดือดในยุคนั้น "Sportster" เป็นรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson ตระกูลแรกที่มาพร้อมกับโช้คหลังและเครื่องยนต์สมรรถนะสูง "Overhead-Valve Engine"
รูปลักษณ์ของ "Sportster" ทำให้เรานึกถึงรถมอเตอร์ไซค์อังกฤษรุ่นหนึ่งที่ครองใจไบค์เกอร์ และได้รับความนิยมอย่างมากในปลายยุค 1950 นั่นก็คือ "Triumph Thunderbird" ด้วยรูปทรงองค์ประกอบที่ละม้ายคล้ายคลึงกัน ทำให้ "Sportster" ได้กระแสการตอบรับเป็นอย่างดีจากตลาดรถมอเตอร์ไซค์ในประเทศสหรัฐอเมริกา
ในยุคแรก "Sportster" ใช้เครื่องยนต์ Ironhead V-twin ขนาด 900 ซีซี ทำมุม 45 องศา เค้นแรงม้าได้ 40 ตัว ที่ 5,500 รอบ/นาที ความเร็วสูงสุดทำได้ประมาณ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง น้ำหนักโดยรวมอยู่ที่ 495 ปอนด์ (ประมาณ 225 กิโลกรัม) โดยเครื่องยนต์ Ironhead ชุดเดิมถูกใช้มากว่า 28 ปีแล้ว ล่าสุดในปี 1986 Harley-Davidson จึงตัดสินใจยกเครื่อง "Sportster" ใหม่เปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์ "Evolution" แทน
ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานของ "Sportster" เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างทัศนคติที่ดีให้กับเจ้าของรถ เนื่องจากพวกเขามั่นใจได้ในบริการหลังการขายที่มีความน่าเชื่อถือ เมื่อรถเกิดปัญหาจะมีช่างที่มากไปด้วยฝีมือและประสบการณ์คอยดูแล รวมทั้งอะไหล่ชิ้นส่วน อุปกรณ์ต่างๆ ของตัวรถ ก็สามารถหาได้ง่ายตามตลาดทั่วไป มากกว่านั้นคือ 'สังคม Sportster' ที่จะคอยช่วยให้คำแนะนำ แบ่งปัน แลกเปลี่ยนความรู้ สร้างบรรยากาศที่ดีให้เกิดขึ้นในวงการสองล้ออีกด้วย
ในแวดวงของสาวก Harley-Davidson จะพูดอยู่เสมอว่า "Sportster" เป็นรถที่เหมาะกับไบค์เกอร์หน้าใหม่ แต่จริงๆ แล้วรถ Harley ในยุคแรก มักออกแบบให้ตัวรถมีน้ำหนักเบาเพื่อแข่งขันกับแบรนด์อื่นๆ อาทิ Indians, Cyclones, Hendersons, Excelsiors, Popes เป็นต้น แต่กับรถครุยเซอร์โครเมียมแล้ว เราจะคุ้นหูกับแบรนด์ Harley-Davidson มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว จึงเรียกได้ว่า "Sportster" เป็น 'DNA' หรือเลือดเนื้อเชื้อไขตัวจริงของ Harley-Davidson มาตั้งแต่ในอดีต
A TIMELINE OF THE SPORTER
1957 – “Sportster” รุ่นแรกของ Harley-Davidson ใช้เครื่องยนต์ Ironhead Overhead-Valve Engine โช้คหลังคู่แบบสปริง เจาะตลาดกลุ่มนักบิดวัยเยาว์ผู้ที่ต้องการรถครุยเซอร์ความเร็วสูงและสมรรถนะที่ดีเยี่ยม
1972 – เครื่องยนต์ Ironhead ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ และเพิ่มความจุเครื่องจาก 900 ซีซี เป็น 1,000 ซีซี
1975 – เป็นปีที่ DOT กำหนดให้รถมอเตอร์ไซค์ทุกคันที่จำหน่ายในอเมริกา ต้องมีรูปแบบพื้นฐานของรถตามที่กำหนดในข้อตกลง ระบบเกียร์ต้องอยู่ด้านซ้ายของตัวรถ ซึ่งทาง Harley ก็ได้ปรับตามแบบดังกล่าวด้วย คือ เปลี่ยนจากเดิมที่เกียร์อยู่ด้านขวามาเป็นด้านซ้าย รวมถึง Norton Commando และรถมอเตอร์ไซค์แบรนด์อื่นๆ ด้วย
1986 – หลังจากใช้เครื่องยนต์เดิมๆ มาเป็นเวลาถึง 28 ปี ปีนี้ เป็นปีที่ Harley ตัดสินใจยกเครื่อง Ironhead เปลี่ยนไปใช้เครื่อง 'Evolution' ทั้งรุ่น 883 ซีซี และ 1,100 ซีซี ซึ่งเป็นที่มาของเครื่องยนต์ “Sportster” อันนุ่มนวลที่ใช้มาจนถึงทุกวันนี้
1988 – ภายใต้ความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากเครื่องคลาสสิก 883 ซีซี ในปีนี้ ทาง Harley ได้อัพเกรดเครื่องยนต์ขนาด 1,100 ซีซี ไปเป็น 1,200 ซีซี รวมทั้งวาล์วปีกผีเสื้อและคาบูเรเตอร์เดิมๆ ก็ถูกถอดออก เพื่อเพิ่มความร่วมสมัยให้กับตัวรถ
1991 – ความล้าสมัยของระบบเกียร์ 4-สปีด ถูกเพิ่มเป็น 5-สปีด รวมถึงเปลี่ยนจากระบบส่งกำลังด้วยโซ่ (Chain Drive) ไปเป็นระบบส่งกำลังด้วยสายพาน (Belt Drive) ปรับใช้ทั้งสองรุ่นของ คือ '883 Deluxe" และทุกๆ โมเดลของรุ่น '1200' ด้วยปัญหาในเรื่องการบำรุงรักษาที่เกิดขึ้นจากการใช้โซ่เป็นตัวส่งกำลัง บริษัทจึงตัดสินใจนำระบบสายพานมาใช้กับตัวรถแทน ปัจจุบันนี้ ระบบสายพานได้กลายเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์เฉพาะของตำนาน Harley-Davidson
1993 – ทุกๆ โมเดลของรุ่น 'Sportster 883' เปลี่ยนไปใช้ระบบสายพาน หรือเรียกได้ว่าในทุกสายการผลิตของ Sportster ปรับไปใช้ระบบสายพานทั้งหมดแล้ว
1994 – ผลสืบเนื่องจากปี 1990 ทำให้ปีนี้ Harley ได้ปรับโฉมถังน้ำมันและคลัทช์ของ “Sportster” ใหม่ทั้งหมด รวมถึงพัฒนาระบบ “Weather-Proof” และเดินวงจรอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ด้วย
1995 – เปลี่ยนเรือนไมล์จาก Mechanical เป็น Electric ปรับใช้กับทุกรุ่นของ Sportster
1996 – “XL 1200C” Sportster Custom ถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกกับตัวถังโครเมียมตกแต่งลวดลายให้มีสไตล์ที่โดดเด่น ด้วยตัวรถที่ค่อนข้างกว้าง ทำให้การควบคุมรถค่อนข้างง่าย จึงถูกขนานนามว่าเป็นรถครุยเซอร์สำหรับหน้าใหม่โดยแท้จริง “XL 1200 Custom” ได้รับความนิยมอย่างมาก นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว Sportster ที่ครองใจนักบิดทุกเพศทุกวัยมา 17 ปีแล้ว
1998 – กำเนิดรถ “XL1200” ตัวแรง ใส่หัวเทียนคู่ แต่งเครื่องยนต์ด้วย “Performance Cams” ทำให้รถมีรอบที่จัดจ้าน ดุดิบ ถูกใจสาวกไบค์เกอร์ขาซิ่งไปตามๆ กัน
2000 – อัพเกรดซีลแกนล้อและใช้คาลิปเปอร์เบรกแบบ 4 พอร์ต ถึงแม้รถจะช้าลง แต่ความมั่นคงของระบบขับเคลื่อนเพิ่มมากขึ้นแน่นอน
2004 – เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของ “Sportster” เรียกได้ว่า 100% ของตัวรถเลยก็ว่าได้ ทั้งเฟรมรถ ระบายอากาศ รวมถึงถังน้ำมันดัดแปลงรูปทรงใหม่ทั้งหมด และยังเพิ่มระบบยางหุ้มแท่นเครื่อง และระบบป้องกันการสั่นของเครื่องยนต์อีกด้วย
2005 – เพิ่มขนาดเพลาล้อหลังอีก 1 นิ้ว เพื่อความยืดหยุ่นขณะขับขี่
2006 – “XR1200” เปิดตัวที่ยุโรป ถูกออกแบบให้คล้ายกับรถสนาม XR750 ใช้เครื่องยนต์ Evolution V-Twin เดิมๆ จากโรงงาน และเพิ่มระบบจ่ายเชื้อเพลงแบบหัวฉีด "Down Draft DDFI II"
2007 – ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบหัวฉีดถูกนำไปใช้กับ “Sportster” ทุกรุ่น
2008 – ปรับเพลาล้อหน้าให้กว้างขึ้นและลดเพลงล้อหลังให้แคบลง เพื่อสร้างสมดุลของรถ แต่ทั้งสองข้างมีขนาดเท่ากันคือ 25 มิลลิเมตร
2010 – กล่อง ECU ถูกดัดแปลงให้ลูกค้าสามารถเลือก/ปรับเปลี่ยนใหม่ได้ ซึ่งกล่อง ECU นับเป็นอะไหล่อีกชิ้นของ “Sportster” ที่ลูกค้านิยมดัดแปลงหลังจากซื้อรถแล้ว
2014 – เช่นเดียวกับปี 1986 และ 2004 ปีนี้ ก็เป็นอีกปีที่ “Sportster” มีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ๆ ถูกเพิ่มเข้ามา เบรกขนาดกว้างขึ้น ระบบพิเศษสตาร์ทเครื่องแบบไร้กุญแจ (Keyless Entry) เครื่อง Evolution ให้แรงอัดที่รุนแรงขึ้น เค้นสมรรถนะของเครื่องยนต์เต็มกำลัง นอกจากนี้ยังมีระบบเบรก ABS เป็นออปชันเสริมอีกด้วย
INTERESTING SPORTSTER SUB-MODELS
NIGHTSTER
ผลิตครั้งแรกในปี 2007 เป็นรถสไตล์เรโทร เครื่องยนต์ 1,200 ซีซี เป็น “Sportster” ที่มีรูปลักษณ์ทันสมัยที่สุดจากบรรดา“Sportster” ทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีรุ่นพิเศษอีก 2 รุ่น ได้แก่ "Iron" และ "Forty-Eight" อีกด้วย
IRON
เครื่อง 883 ซีซี V-twin เซตเดียวกับ 1200 Nightster… "Iron" เป็นรุ่นที่ราคาเบาที่สุด เป็นสิ่งล้ำค่าที่ไบค์เกอร์หน้าใหม่ควรจะมีไว้ในครอบครอง
FORTY-EIGHT
รถรุ่นนี้ เริ่มผลิตครั้งแรกในปี 2010 ออกแบบในลักษณะ "Nightster Style" ถังน้ำมันรูปทรงคล้ายถั่ว ล้อหน้าแบบซี่ลวด ล้อหลังเพิ่มขนาดยางใหญ่ขึ้น ทำให้ '48' เป็น “Sportster” อีกรุ่นที่ขายดีอย่างเทน้ำเทท่า โดยเฉพาะในประเทศไทย
SEVENTY-TWO
ไม่น่าเชื่อเลยว่ารถสไตล์ชอปเปอร์ปี 1970 ที่เพิ่งผลิตขึ้นในปี 2012 จะไปโผล่ในตลาดรถมือสองอยู่บ่อยครั้ง ต่างความคิดหลากหลายความเห็น บ้างก็ชอบ บ้างก็ไม่ชอบ อย่างไรก็ตาม แฟนชอปเปอร์ตัวจริงไม่ควรพลาดอย่างยิ่งสำหรับ เจ้า '72' คันนี้
XR-750
รถระดับตำนานที่หลายๆ คนชื่นชอบ แต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง ผู้ที่สนใจจึงจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนตัดสินใจที่จะซื้อมัน
XR1000
รถที่ค่อนข้างหายากในปัจจุบัน ถ้าบังเอิญไปเจอมันเข้า ก็อย่าลืมที่จะช่วงชิงเอามาไว้ในโรงรถของคุณเสีย! 'XR1000' มีประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่ปี1980 ซึ่งเป็นปีที่รถถูกผลิตขึ้นครั้งแรก 'XR1000' เคยใช้เข้าร่วมรายการแข่งขันและยังได้รับชัยชนะอีกด้วย
XR1200
ตัวรถมีลักษณะคล้าย 'XR-750' แต่มีความทันสมัยมากกว่า ด้วยน้ำหนักตัวรถที่มากและเครื่องยนต์สุดแสนจะธรรมดายังไม่เป็นที่น่าพอใจต่อสิงห์นักบิดเท่าใดนัก แต่หากว่าคุณมีโอกาสได้อัพเกรดเครื่องยนต์ใหม่ รับรองว่า 'XR1200' จะเป็น “Sportster” อีกคันที่สนุกเร้าใจไม่แพ้ใครเลยทีเดียว
WHAT’S THE DEAL WITH ALL THE X’S?
รหัส 'X' ใช้เรียกรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson ในสายการผลิตรุ่น “Sportster” ส่วนใหญ่จะขึ้นต้นด้วย 'XL' ยกเว้นรุ่นพิเศษที่ใช้ในการแข่งขัน ซึ่งรหัสรถจะขึ้นต้นด้วย 'XR' ยกตัวอย่างเช่น 'XR-750', 'XR1000', 'XR1200' เป็นต้น
จากข้างต้น ก็พอทราบบ้างแล้วว่า 'XL' ใช้สำหรับเรียกรถในสายการผลิตทั่วไปของรุ่น “Sportster” และ 'XR' ใช้เรียกรถ “Sportster” ที่ใช้ในการแข่งขัน นอกเหนือจากนั้น รหัส 'XL' ยังมีรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวรถอื่นๆ อีก ดังนี้
XL H – "H" หมายถึง รถที่มีการอัดของเครื่องยนต์สูง
XL C – "C" คือ รถ “Sportster” ในสไตล์ 'Off-Road'
XL CH – "CH" เป็นไปตามที่คุณกำลังคิด ในที่นี้ หมายถึงรถสไตล์ 'Off-Road' ที่มีแรงอัดของลูกสูบสูง ทั้งถึกทั้งแรงกันเลยทีเดียว
XL X – "X" เดาได้เลยว่ารถคันนี้มีราคาถูก เนื่องจากรหัสดังกล่าวจะใช้กับ “Sportster” เดิมๆ ที่ไม่มีการตกแต่งตัวรถแต่อย่างใด
XL T – "T" คือรหัสที่ใช้เรียก “Sportster” แนวทัวริ่ง
XL H – "Hugger" เป็นรหัสที่ใช้เรียก “Sportster” ที่มีเบาะทรงเตี้ย กระบอกโช้คสั้น เหมาะสำหรับไบค์เกอร์รูปร่างเล็กเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากทราบรหัสตัวอักษรที่คอยบอกลักษณะของ “Sportster” แนวต่างๆ แล้ว คราวนี้ เรามาดูตัวเลขที่อยู่ด้านหลัง โดยปกติแล้วตัวเลขดังกล่าว คือขนาดความจุของเครื่องยนต์ในรถคันนั้น ยกตัวอย่างในรถ 3 รุ่นนี้
XL900 – คือ “Sportster” ที่ใช้เครื่องยนต์พื้นฐานมีความจุขนาด 900 ซีซี
XR1200 – คือ “Sportster” ความจุเครื่องยนต์ขนาด 1200 ซีซี รถสไตล์ "Flat Tracker" ที่ใช้ในรายการแข่งขันชิงแชมป์
XL883 – คือ “Sportster” ที่ใช้เครื่องยนต์พื้นฐานมีความจุขนาด 883 ซีซี
นอกจากตัวเลขแล้ว ด้านหลังตัวเลขยังมีตัวอักษรอังกฤษอีกหนึ่งตัว เรามาทำความเข้าใจกันว่าตัวอักษรเหล่านั้นหมายถึงอะไร
XL1200N – คือ "Nighster"
XL883L – คือ "SuperLow" Sportster
XL1200C – คือ "Custom" Sportster
XL883R – คือ "Roadster"
คราวนี้ก็ได้ทราบรายละเอียดรหัสรุ่นของ “Sportster” กันไปพอสมควรแล้ว จำไว้เสมอว่า รถแต่ละรุ่นมีข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบแตกต่างกันไป แต่ละรุ่นก็มีเอกลักษณ์ในตัวของมัน ขึ้นอยู่กับว่า “Sportster” รุ่นไหนจะตอบโจทย์ความเป็นตัวคุณมากที่สุด อย่าเสียโอกาสที่จะหามันมาไว้ครอบครองสักคัน
มีหลายข้อถกเถียงถึงการเปลี่ยนแปลงระบบเกียร์ที่เกิดขึ้นในปี 1991 จากเดิม 4-สปีด เป็น 5-สปีด บางกลุ่มก็บอกว่า สำหรับเครื่อง V-twin ทอร์คจัดๆ ของรถ Harley-Davidson เกียร์ 4-สปีด ก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่บางกลุ่มก็เสนอว่า 5-สปีด น่าจะเหมาะสำหรับขี่ในเมืองมากกว่า อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคุณชอบแบบไหน ก็มั่นใจได้ว่าทุกช่วงเวลาที่คุณได้เข้าเกียร์ ได้บิดคันเร่ง ได้ฟังเสียงเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์ พนันได้เลยว่าคุณจะหลงรักใน Harley-Davidson อย่างถึงที่สุด
การเปลี่ยนจากการใช้โซ่เป็นระบบสายพาน เริ่มต้นครั้งแรกในปี 1993 ด้วยเหตุผลที่ว่า เพื่อเป็นการลดค่าบำรุงรักษา เนื่องจากสายพานมีระยะการใช้งานสูงกว่าการใช้โซ่ อย่างไรก็ตาม ทั้งสองระบบก็มีข้อได้เปรียบและเสียบเปรียบแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานว่าต้องการใช้รูปแบบใด
หลายๆ คนหลงรักเครื่องยนต์แบบ 'Ironhead' แต่ก็คงจะละเลยเครื่อง 'Evolution' ไม่ได้ เนื่องจากเป็นเครื่องยนต์ที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ให้มีความล้ำสมัยมากขึ้น ยิ่งกว่านั้นยังเพิ่มระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบหัวฉีดมาให้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม Harley-Davidson ไม่ได้เกิดมาคู่กับนิยามของคำว่า 'ง่ายๆ' เพราะฉะนั้น ถ้ามองถึงต้นตำรับตามแบบฉบับของ Harley แล้ว เครื่องคาบูเรเตอร์แบบ 'Ironhead' ดูจะตอบโจทย์สาวก Harley ตัวจริงมากกว่า
RUBBER MOUNTED ENGINE VS DIRECTLY MOUNTED ENGINE
ระบบกันสะเทือนและยางรองแท่นเครื่องที่เพิ่มเข้ามาในปี 2004 ถูกนำมาใช้กับ “Sportster” ทุกรุ่น คุณสมบัติพิเศษของมันคือ เป็นตัวช่วยลดการสั่นของเครื่องยนต์ แต่บางรุ่น เช่น "Ironhead" เมื่อทดลองขี่ไปในระยะทางไกลๆ ก็ไม่พบปัญหาการสั่นของตัวเครื่องเท่าใดนัก ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจและความชอบส่วนบุคคลว่าต้องการรถสไตล์ไหน แบบนุ่มนวลหรือแบบดุดัน
ก่อนซื้อต้องตรวจสอบดูเลขเฟรมและเลขเครื่องก่อนทุกครั้ง ถ้าเลขดังกล่าวไม่ตรงกับตัวรถหรือผิดแปลกไปจากเอกสารที่กำหนดไว้ อาจเกิดปัญหาในภายหลังได้
เครื่องยนต์ความจุ 883 ซีซี มีขนาดเล็กและรีดพละกำลังได้น้อย การเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์ 1,200 ซีซี หมายความว่าทั้งลูกสูบและกระบอกสูบก็ต้องเปลี่ยนขนาดตามไปด้วย ทำให้รถมีกำลังเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน หากเน้นประหยัดสบายกระเป๋า 883 ซีซี ก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ถ้าหากคุณเป็นคนประเภทบ้าพลัง จะถูกจะแพงขอแรงไว้ก่อน เก็บเงินอีกนิดขยับไป 1200 ซีซี จะตอบโจทย์มากกว่า
CARBURETTOR VS FUEL INJECTION
ตั้งแต่ปี 2007 “Sportster” ทุกคันเปลี่ยนจากการใช้คาบูเรเตอร์เป็นการจ่ายเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด เนื่องจากในหน้าหนาวเครื่องยนต์ที่ใช้ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบหัวฉีดจะให้สมรรถนะที่ดีกว่าเครื่องยนต์คาบูเรเตอร์ อย่างไรก็ตาม ทาง Harley ก็ยังคำนึงถึงเสียงเครื่องยนต์ตามแบบฉบับเฉพาะของ Harley-Davidson ซึ่งดูจะขัดกับระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบหัวฉีดอยู่ไม่น้อย เพราะถึงแม้ระบบดังกล่าวจะช่วยให้เครื่องมีความนุ่มนวล แต่ก็ต้องแลกมากับเสียงเครื่องยนต์ที่เบาลงด้วย และสำหรับเครื่องที่ใช้คาบูเรเตอร์ หากหมั่นดูแลรักษาดีๆ แล้ว การซ่อมแซม การบำรุง หรืออะไหล่ ก็จะเป็นเรื่องที่ไม่ทำให้หนักกระเป๋าเจ้าของจนเกินไป
“Sportster” ทุกๆ คัน จะมีความเป็นคัสตอมในสไตล์ของตัวเองอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับการออกแบบดีไซน์ของเจ้าของเดิมว่าจะเติมแต่ง สร้างสรรค์ผลงานสองล้อของตนอย่างไร ทั้งนี้ ผู้ซื้อควรสอบถามให้แน่ชัด หากมีบางชิ้นส่วนที่ตกหล่นหรือขาดหายไป
ไม่มีใครที่อยากให้ “Sportster” คู่ใจมีอาการ “ดื้อ” ไฟดับ สตาร์ทไม่ติด ฯลฯ ดังนั้นควรตรวจสอบให้มั่นใจก่อนการซื้อ
จากทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นข้อแนะนำเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้คุณได้พิจารณาก่อนตัดสินใจที่จะเลือกซื้อ “Sportster” มือสองงามๆ สักคัน พึงระลึกไว้เสมอว่า ยิ่งคุณศึกษาตัวรถมากเท่าไร โอกาสที่คุณจะเสียใจในภายหลังก็มีน้อยเท่านั้น... และเมื่อได้มันมาแล้ว ก็จำไว้อีกว่า การที่คุณดูแลมันมากเท่าไร มันก็จะอยู่กับคุณไปนานเท่านั้นเช่นเดียวกัน... มันจะกลายเป็นมรดกตกทอดของครอบครัว กลายเป็นสมบัติที่มีคุณค่ามากเกินกว่าจะเป็นแค่รถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง..
---
ที่มา... silodrome.com
แปลและเรียบเรียงโดย... HD-Playground