1970's
1970
เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงกฏระเบียบที่ใช้ในการแข่งขัน AMA ในคลาส C ทำให้มีการเปิดตัวรถแข่งรุ่นใหม่ XR750 ที่ใช้พื้นฐานระบบเครื่องยนต์ของ Sportster
ที่ Bonneville Salt Flat ใกล้เมือง Wendover รัฐ Utah นักแข่ง Cal Rayborn ทำลายสถิติโลกรถมอเตอร์ไซค์ที่เร็วที่สุด ด้วยรถที่มีตัวถังลู่ลมขนาดยาว 16 ฟุต ใช้เครื่องยนต์ Sportster เครื่องเดียว ทำความเร็วเฉลี่ยได้ถึง 420 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
1971
เพื่อตอบสนองความต้องการรถที่มีความหลากหลายเพิ่มขึ้น Harley-Davidson ได้ออกรถรุ่น FX 1200 Super Glide ที่นำเอาช่วงหน้าแบบสปอร์ต (แบบเดียวกันที่ใช้ใน Sportster) มารวมเข้ากับเฟรมและเครื่องยนต์รุ่น FL ทำให้เกิดรถสายพันธุ์ใหม่แบบ Cruiser
|
ปีแรกที่ Harley-Davidson ผลิตรถตะลุยหิมะ |
1972
ด้วยเครื่องยนต์แบบใหม่ที่ใช้วัสดุแบบ อลูมิเนี่ยมอัลลอย ใน XR-750 ที่ให้กำลังเพิ่มขึ้นและทนทานยิ่งขึ้น สร้างความโดดเด่นในวงการรถแข่งสนามฝุ่นไปอีกถึง 3 ทศวรรษ และในปีนี้ Mark Brelsford ชนะการแข่ง AMA สนามฝุ่นด้วย XR-750
1973
มีการยกระดับระบบการผลิตครั้งใหญ่ โดยสายการประกอบทั้งหมดได้ถูกย้ายไปที่โรงงานแห่งใหม่ขนาด 400,000 ตารางฟุต ที่ York รัฐเพนซิลวาเนีย ส่วนการผลิตอื่นๆยังคงอยู่ที่ Milwaukee และ Tomahawk โรงงาน Capitol Drive ใน Milwaukee เริ่มผลิตส่วนของเครื่องยนต์
1975
เริ่มต้นปีแรกของการชนะการแข่งขันสนามฝุ่นในรายการ AMA เป็นเวลา 4 ปีติดต่อกัน โดย Gary Scott ชนะในปีนี้ และอีก 3 ปีต่อๆมา Jay Springteen เป็นผู้ชนะการแข่งขันทั้งหมด
1977
Harley-Davidson ได้แนะนำรถรุ่น FXS Low Rider ที่ Daytona Beach ด้วยทรงแฮนด์ต่ำแบบ Drag เครื่องยนต์ที่เป็นเอกลักษณ์ในเรื่องสีเครื่องยนต์ และตำแหน่งท่านั่งที่ต่ำกว่ารถในรุ่นอื่นๆอันเป็นที่มาของชื่อ Low Rider ได้ออกมาให้แฟนๆได้รู้จักเป็นครั้งแรก
และในปีเดียวกัน รถ Sportster ที่ตกแต่งใหม่ให้ดุดันยิ่งขึ้นโดย Willie G. Davidson ได้ออกมาอวดโฉมในชื่อ Cafe Racer
1979
รุ่น FXEF Fat Bob ถูกนำออกสู่ตลาด คำว่า Fat มาจากถังน้ำมันคู่ขนาดใหญ่ คำว่า Bob มาจากบังโคลนทรง Bob ที่มีขนาดความยาวเท่ากัน
|