A-C-01<br>Expired::
A-C-02<br>Expired::
A-C-03<br>Expired::
 
[Interview & Review]
 
Dirt Shop (Part 2)
By HDP PR
DATE: 2011.03.21
VIEW: 2160
POST: 0



HDP: คือถ้าเกิดแบบซื้อมาเสร็จปุ๊บไม่ได้ใช้ ขายไม่ออก ก็มาใช้เอง
พี่เอก: ใช้เองครับ ส่วนมากคือ คิดว่าเรา รสนิยมเราเป็นอย่างนี้ เดี๋ยวก็คงมีคนชอบคนอื่นชอบ

HDP: แล้วเริ่มมาตั้งแต่ประมาณปี 91 ตั้งแต่ตอนนั้นถึงตอนนี้ มองภาพตัวร้านเอง ทั้งตัว Product หรือว่าตัวของที่เรามีอยู่ในมือ จนมองถึงอนาคตว่า มันควรจะมีไปในแนวไหนต่อรึเปล่า วางแผนอะไรไว้อีกหรือเปล่าครับ
พี่เอก: จริงๆ เริ่มต้น ตอนที่เราเริ่มต้นร้านเนี่ยนะครับ แล้วหลังจากที่เราติดต่อไปที่จุดจำหน่ายเนี่ย อย่างหนึ่งที่เราคิดอยู่ตลอดเวลาเลย สิ่งอะไรที่เป็น Performance ที่เป็นแบรนด์เนมของโลกเนี้ย ยกตัวอย่างนะครับ แรกๆ ยุคเริ่มต้น Alpines, Fox อะไรพวกเนี้ยที่มันดังในทางวิบาก ณ ตอนนั้น เราเก็บก่อน หมายความว่า เรา เราขอเป็นตัวแทนจำหน่ายเขาก่อน เราก็ทำตลาดไปเรื่อยๆๆ แล้วก็ ประกอบกับว่าตัวผมเองเนี่ยผมขี่รถ มีสปอร์ตด้วย มีวิบากด้วย แต่หลังๆ เนี่ยมาขี่วิบากเยอะ ในช่วงแรกอ่ะนะขี่วิบากเยอะ สปอร์ตก็ไม่ค่อยได้ขี่ แล้วเราก็ทำตลาดไม่เป็น ก็ไม่ค่อยคล่อง แต่ตอนนี้รู้สึกว่า รถสปอร์ตเนี่ย เนื่องจากว่ารัฐบาล หรือว่า ตอนนี้มันเปิด มันมี มีอะไรละ มี BM มาเปิด มี Ducati มี Triumph มี KTM อะไรอย่างเนี้ย เราก็รู้ว่า เอ๊ย ตลาดมันเริ่มเปิดละ ต้องทำละ เมื่อ 2 ปี ที่แล้วก็เลยคุยกับพี่ไบ๋ไว้ว่า เฮ้ยไป เราหมุนมาทำสปอร์ตด้วยดีกว่า วิบากมันอยู่ตัว ไม่ทิ้ง วิบากมันเหมือนอยู่ในหัว มันอยู่มาตลอดอยู่แล้ว แต่ว่าสปอร์ตปุ๊ป เราก็จับ แต่เราก็ต้องเริ่มใหม่นิดนึง เริ่มศึกษาว่าอะไรมันดี อะไรมันไม่ดียังไง เราก็เลย เอ๊ย เอาวะ ทำสปอร์ตด้วยดีกว่า ก็ไป Milan กัน ติดต่อที่อเมริกา ที่ญี่ปุ่น ใครมีอะไรยังไงก็ติดต่อ ของบางอย่างเราก็ไม่ต้องติดต่อเขานะ เขาติดต่อเรา เพราะว่าเว็บไซต์เราก็ค่อนข้างจะสูงนิดนึง

HDP: บริษัทพวกนี้ เขาเห็นมี References อยู่แล้ว เขาก็เลยโอเค
พี่เอก: จริงๆ เขาก็หา Connect ไง อย่างพวกตัวแทนจำหน่าย Alpines Star ประเทศไทย ใครวะ ยกตัวอย่าง 2 หน หลังเนี่ย คือ ใต้หวัน ก็คือหมวก HJC ก็คือสถานฑูตติดต่อ พวก Cable of Commerce ติดต่อมา เอ๊ย เราเป็นตัวแทนจำหน่ายนะ อะไรอย่างเนี้ย เราก็ปฏิเสธ เฮ้ย! เราก็ Hot Rod ทำอยู่ อะไรก็แล้วแต่ที่เรารู้ว่ามีคนทำอยู่ แล้วเป็นคู่ค้าที่ดีต่อกันเนี่ย เราก็ จะไม่ค่อยจะยุ่ง ไม่เหยียบเท้าใครนะพูดง่ายๆ ไปด้วยกันดีกว่า ดีกว่าที่จะมาทำ แล้วก็ทะเลาะกัน วงการมันเล็กอ่ะ



HDP: ทาง HJC ก็มีตัวแทนอยู่แล้ว ทำไมเขาถึงหาอีกละครับ
พี่เอก: ลึกๆ แล้ว เขาอาจจะหาเจ้าที่ทำเป้าหมายที่ทำให้ยอดได้มากกว่า หรืออาจจะมองตลาดไทยว่าขายได้เยอะกว่า แต่เราอยู่เนี่ยเรารู้ หมวกกันน็อคบ้านเราเนี่ย ยาก ทำลำบาก

HDP: แล้วหมวกกันน็อค ถ้าเอามาอย่างงี้ มอก. อะไรพวกนี้ มันก็ไม่ผ่านสิครับ
พี่เอก: ไม่ผ่าน แต่ลูกค้าก็ยอมรับนะครับ

HDP: แล้วตำรวจไม่จับเหรอครับ
พี่เอก: มันมี เค้าเรียกอะไรอ่ะ เราเน้นไปที่การแข่งขัน Race only ใครจะไปใช้บนถนนนั่นเป็นเรื่องของผู้ใช้ละ แต่จริงๆ แล้วเรารู้กันลึกๆ แหละ ว่าหมวกเนี่ยมันดีกว่าของบ้านเรา มาตรฐานน่ะนะ Snell นะ ยอมรับทั่วโลกนะ คือมันต้องเป็นแบบนี้ก่อนนะ หมวกกันน็อคบ้านเราเนี่ย พูดถึงตัวหมวกกันน็อคเองเนี่ย ถึงเวลาที่เราเอามาใช้ อย่างแรกเลย สวย ยี่ห้อดี คนไทยคิดอยู่อย่างเนี้ย แต่ผมขี่วิบากกันมาหนักๆ ผมรู้ว่า ต้องหาของดีด้วย หมายถึงว่าที่มัน Safe จริง ไม่ใช่ว่าสวยอย่างเดียว หรือว่าลายสวยอย่างเดียว ไม่ใช่ละ เราต้องดูว่าพื้นฐานของหมวกเขามันเป็นยังไง History ของบริษัทที่ทำเนี่ยเป็นยังไงบ้าง ผลิตที่ไหน บางคนหลังๆ นี่ผมเห็นลงในเว็บ Bell มา Bell เนี่ย มันมีมาตั้งนานละ มัน Made in USA มาตลอด แล้วตอนหลังก็หายไป คราวนี้มันกลับมาทำไต้หวัน ฉะนั้นหมวก Bell กับหมวกอย่างอื่นเนี่ย ผมว่ามองตรงคุณภาพเนี่ยใกล้เคียงกัน แต่ Bell แพงกว่าตั้งเยอะ อะไรอย่างเนี้ยคือ ก็แล้วแต่ อันเนี้ย แล้วแต่ชอบ
พี่ไบ๋: มี Dot มี Snell



HDP: แล้วอย่างบ้านเรานี่ก็มี Dot ก็ยังไม่ใช่ Snell นี่สูงกว่า
พี่ไบ๋: เดี๋ยวนี่มี ECE ด้วยครับ มีมาตรฐาน EU ด้วย
พี่เอก: แล้วก็มี Sharp ของอังกฤษใหม่ บางตัวก็ Snell Dotไม่ดี Sharpดี อะไรก็ไม่รู้

HDP: แล้วในตัว Product ของอย่างหมวกเนี่ย พี่ถือตัวไหนอยู่บ้าง ที่เป็น dealer
พี่เอก: มี Nolan มี Icon มี Kbc ไอ้ตัว Nolan ก็มี X-Lite ด้วย

HDP: ก็มีหลากหลายตัว แต่หมวกส่วนใหญ่จะไม่ใช่เป็นฝั่ง Harley ใช่มั้ยครับ จะเป็นทางสปอร์ต
พี่ไบ๋: เริ่มมีละ เริ่มมีพวก Harley มีของ Open Face ของ Nolan แล้วก็มีหมวกของ Kbc ของ Open Face ซึ่ง Kbc เนี่ย โดยหลัก ประมาณสัก 60 เปอร์เซ็นต์ของหมวก Harley ทำโดย Kbc ทั้งนั้นแหละ หมวก Flip up แล้วล็อตหน้าเราจะมีหมวกแบบครึ่งใบด้วยนะ Harley ขายดี
พี่เอก: พยายามอย่าให้รู้ว่าเราใส่กันตำรวจไง คนไทยบางที่ใส่แค่กันตำรวจใช่มั้ย

HDP: ของผมนี่หมวกกะลาอย่างเดียวเลยครับ ออกทางไกลถึงเป็นหมวก Jet ไง เดี๋ยวนี้เปลี่ยนซะหน่อย
พี่ไบ๋: อันตรายครับ เพื่อนผมนี่ตาบอดเลย โดนจิ้มลูกกะตา ตาบอด ไม่คุ้มอ่ะ
พี่เอก: หมวกใบนึง หมื่นนึง กับไอ้ลูกตาสามแสนเนี่ย ผมเคยเจ็บหนักๆ มา เคยเอ็นหัวเข่าขาด ไหล่หลุด เวลาที่เรา สมัยก่อนเนี่ยนะ ต้องบอกอย่างหนึ่ง ขี่วิบากหรือขี่อะไรเนี่ย อุปกรณ์ที่มันมีในบ้านเราเนี่ยไม่ครบ ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ทุกอย่าง แล้วการศึกษาของงาน เราก็รู้ว่ามีการ์ดเข่า การ์ดศอกที่เป็นพลาสติกธรรมดาใช่มั้ยครับ เราก็ไม่ได้ถึงขนาดว่าซื้อ เขาเรียก CPI ที่เล่นในพวก Wakeboard เขามีใช้ แล้วก็พวก American Football เขาเอาไปใช้กัน สมัยก่อนเราก็ไม่ได้คิดถึงขนาดนั้น แต่พอเราเจ็บ เจ็บมาหนักๆ ถึงขนาดกับที่ต้องผ่าตัดเนี่ย ผ่าตัดแล้วมันเหมือนเดิมมั้ย มันก็ไม่เหมือนเดิม ของพวกเนี้ยบางคนจะคิดว่า โหย อันนึงสมัยก่อนเสียดายข้างละ 3 หมื่น สองหมื่นกว่าบาทถึงสามหมื่นบาท แต่หลังๆ ก็มียี่ห้อที่ทำถูกลงมา แต่ว่าลักษณะเดียวกัน ก็คือ จะมีเบรดจริงๆ ไม่ใช่พลาสติกคลุมหัวเข่าไว้ ผมว่า ถ้าซื้อ 2-3 หมื่นบาท แล้วมันทำให้คุณไม่ ไม่เจ็บหนัก คุ้มกว่า
พี่ไบ๋: จากหนักเป็นเบา แล้วทำยังไงก็ไม่หายเหมือนเดิม
พี่เอก: ทำยังไง มันก็ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนเดิม แล้วเจ็บตัวด้วย
พี่ไบ๋: แล้วโดยหลัก โดยหลักอีกอย่างหนึ่งก็คือ ของเราเนี่ย อย่างแรกเลย ก็คือ สินค้าที่มา ความปลอดภัยเนี่ยจะมีแบบครบ หมวกกันน็อค การ์ดคอ การ์ดหน้าอก การ์ดเข่า belt รองเท้า อะไรอย่างนี้ ซึ่งเรื่อง Safety มาเป็นหลัก อย่างวิธีการขี่มอเตอร์ไซค์ อย่างแรกเลยคือเรื่อง safety



HDP: ตอนนี้ Product ของพวก Protection ก็ยังเน้นเป็นพวกมอเตอร์ครอส เป็นพวกรถวิบาก แล้วก็รถสปอร์ตอะไรพวกนั้น
พี่เอก: รถทางเรียบก็จะมีชุดหนัง หรือว่า เสื้อที่เป็นเสื้อ jacket หรือว่ามี เขาเรียกอะไร มี Armer อยู่ข้างใน มี Protection มี Patch อยู่ข้างใน อะไรพวกนี้ แล้วก็ สำคัญอีกอันนึง ก็คือตัวที่ ที่กันกระดูกสันหลัง

HDP: อันนี้ก็คือ ทางฝั่งพวกสปอร์ต และทางฝั่งมอเตอร์ครอส แต่ทางฝั่ง Harley เนี่ย คือมัน Protect กันไม่ค่อยมาก เค้าไม่ชอบ ชอบเสื้อยืด หมวกแบบเปิดธรรมดาอะไรแบบนี้
พี่เอก: ผู้หญิงใส่แบบชุดรองเท้า เอ๊ย กางเกงหนัง แต่บ้านเรามันใส่ไม่ได้
พี่ไบ๋: บ้านเรา Harley กระแสมันมาจากทางฝั่ง California ฮาร์เล่ย์แคลิฟอร์เนียไม่ต้องใส่หมวกกันน็อคไง บ้านเราก็พยายาม
พี่เอก: ก็เนี่ยมันเป็นลักษณะแบบใน Texas
พี่ไบ๋: ใช่ Texas ไม่ใส่ บางที่มันก็ไม่ต้องใส่ มันก็เลยห้ามกันไม่ค่อยได้ เหมือนว่าใส่ก็ได้ไม่ไส่ก็ได้ หรือว่าใส่กันประมาณนึงอะไรอย่างนี้ จะเป็นอย่างนั้นมากกว่า

HDP: เลยกลายเป็นแบบใส่ Full Face ขี่ แล้วใส่เป็นแบบ Yellow Corn ก็ดูประหลาด
พี่ไบ๋: ดูประหลาด ใช่ หรือไม่ก็มีเสื้อ Jacket ที่เป็นสีแดงก็ดูประหลาดแล้ว มันต้องดำ อย่างนี้

HDP: แบบส้มนี่ไม่ได้เลยนะ หลังๆ มาก็ยังมี ของ Harley เขาก็เริ่มมีเปลี่ยน
พี่ไบ๋: แต่เริ่มเปลี่ยนนะครับ ผม แต่จริงๆ แล้วกระแสโลกมันเปลี่ยนมาตั้งหลายปีแล้ว สีขาว สีส้ม สีแดง อีกหน่อยต้องเปลี่ยนแล้ว เพราะว่าตอนนี้เริ่มเปลี่ยนละ สินค้าทางฝั่งยุโรป ก็มีสีแดง สีขาวอะไรแบบน



HDP: พี่เอกเริ่มขี่มาตั้งแต่อายุเท่าไร แล้วเริ่มมายังไงครับ
พี่เอก: ขี่ ผมขับรถยนต์เป็น 8 ขวบ มอเตอร์ไซค์ 10 ขวบ ขี่ออกถนนแล้ว ก็คือขี่เล่นอยู่แถวนี้แล้ว หมู่บ้านมืองทองพรสุขเนี่ยถิ่นผม ขี่มาตั้งแต่รถผู้หญิง Honda อะไรนะ Dream100 ก่อน Dream 100 นี่อะไรนะ
พี่ไบ๋: Nantida
พี่เอก: อ่าๆ พวกนั้นแหละ แล้วก็ เป็นอะไร JX110, Honda Wing, Suzuki เอ๊ย Kawasaki GTX150 นี่เคยได้ยินรึเปล่าไม่รู้ แล้วก็พวก KR พวกอะไรแบบนี้ แล้วก็ไต่เต้าเป็น MSR250, GsR400, GSR750 วิบากก็มาเป็น AX1 แล้วก็มาเจอพวกใหม่ๆ ก็จะมี XR600, DR350 คือไล่มาเรื่อยๆๆ มีเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาๆ อยู่ตลอด

HDP: ขี่ตั้งแต่เด็ก 10 ขวบ คือเริ่มขี่รถผู้หญิงมาก่อน ขี่แถวบ้าน ขี่ตามถนน แล้วพออายุประมาณสัก 18 ก็คือมาเจอพี่ไบ๋ แล้วก็เริ่มขี่รถวิบาก
พี่เอก: ใช่ เริ่มขี่วิบาก ก็เริ่มฝึกหนัก เริ่มฝึก เริ่มที่จะเรียนรู้ ประมาณว่าเป็นยังไง เริ่มดูวิดีโอ ซื้อวิดีโอมาดู ไปขี่ว่ามันต้องขี่อย่างนั้นอย่างนี้ พี่ไบ๋เขาจะมีพื้นฐานมาก่อนผมละช่วงนั้น ผมก็เลยไปรวมกับเขาอีกที พี่ไบ๋เป็นคนแนะนำให้ผมซื้อรถคันเนี้ย (คันที่แขวนอยู่นี่) มันถูกแขวนอยู่นี่เพราะว่าทำให้เรารู้จักกัน แล้วก็ได้ขี่วิบากอีก ปี 90 เนี่ยเป็นปีที่ขี่รถทุกอาทิตย์ หมายความว่า พวกเราทำงานก่อนนะครับ พี่ไบ๋ก็อยู่พรศิลป์ เมื่อก่อนนี้ ร้านนี้ดัง ผมก็ทำงานช่วยพ่อผมที่บ้าน วันเสาร์เย็นๆ ก็รถกระบะ 4wheels ใส่ไป ไประยอง กลางคืน ไปถึงปุ๊บ 3-4-5 ทุ่ม นอน เช้าตื่นมา 7 โมง แปรงฟัน ขี่รถ ขี่วิบากทั้งวัน ขี่วิบากทั้งวัน ขี่ในสวนยางบ้าง ขี่ทางที่เป็น สมัยก่อนลูกรังมันเยอะครับ ที่ไหนก็มี แถวเขาชะเมา ขี่จนฟ้ามืด ก็หมายถึงว่า เช้าขี่มาสักชั่วโมง 2 ชั่วโมง กลับมาปุ๊บ พวกผู้หญิงก็จะมี แฟนพี่ไบ๋ แฟนผมคนนึงอะไรอย่างเนี้ยนะครับ ทำกับข้าว ไปด้วยกันเป็นกลุ่ม กินข้าวเสร็จก็ไปขี่ต่อ น้ำไม่ได้อาบหรอกเช้าๆ ขี่ยันเที่ยงก็มากินข้าว บ่ายก็ไป ขี่ไป ไปไหนก็ว่ากันไป ฝึกกันไป ถ้าจะฝึกโดดเนิน ก็มีรถแทรกเตอร์ดันเนินออก ทำสนาม ขี่จนฟ้ามืด แล้วก็กลับบ้าน อาบน้ำ เช้าทำงาน ปีนั้น จริงๆ เลยนี่ คือเรื่องจริงเลย คือว่า อาทิตย์ไหนไม่ได้ขี่ที่ระยอง คือไปแข่งรถ ก็คือไม่มีที่ไหนว่างเลย เป็นอย่างนั้นเลย



 

HDP: อันนี้คือความสนุกของการขี่รถวิบากใช่มั้ยครับ
พี่เอก: ใช่ครับ ความสนุก ต้องท้าทาย ต้องพาไปขี่ จะรู้อะไรหลายๆ อย่าง จะยกล้อยังไง ต้องขึ้นเนินหรือว่ายังไง ทางมันชันจะไปทำยังไง เนินด้านหน้าจะวิ่งยังไง คันเร่งยังไง จะเรียนรู้จากตรงนั้น
HDP: อันนี้คือไปหาด่านเอาเองเลย
พี่เอก: ในธรรมชาติอย่างเดียวเลย วิ่งๆ ไป ทำไมวิบากต้องมีเกราะพลาสติก เคยเห็นมั้ย เขาเรียกอะไร ที่สวมคออย่างเนี้ย ผมเจอกับตัวเองเลย ขี่ๆ ไปในสวนยาง ฝนตก ฝนตกก็ขี่นะครับ ไม่ใช่ว่าฝนตกจะขี่ยังไง ก็ขี่อย่างนั้นแหละ ฝนตก น้ำทงน้ำท่วมไม่รู้ ขี่หมด ไม่สนใจอากาศเป็นยังไง มันมีขอนไม้อยู่ท่อนนึง เราไม่เห็นน่ะ ชนโดยไม่เบรก คิดเอาละกัน ตัวกระเด็นไปนู่น ไอ้เนี่ยช่วยได้ ผมเลยบอก ทุกวันนี้ใครมาถามผมเรื่องนี้ มันช่วยอะไรวะ ไอ้พลาสติกอันเล็กๆ เนี่ย
HDP: ตรงปกเนี่ยนะครับ
พี่เอก: ครับ ไม่รู้สึก ไม่เจ็บอะไรเลย วิ่งไถลไปกับพื้นเลย คือชนแล้วไม่ได้เบรก นึกออกมั้ยครับ ไม่ได้เห็น เราไม่ได้มอง ไม่ได้สังเกต น็น หลุดไปนู่น ไม่เป็นไร ช่วยได้เยอะ หน้าอกกระแทกพื้นไปเลยนะ อะไรอย่างนี้ เราก็รู้แล้วก็ การ์ด เมื่อก่อนนี้อย่างที่บอก การ์ดหัวเข่าที่เป็นแบบ CPI ที่มันล็อคจริงๆ มันไม่มี ก็ใส่เป็นพลาสติก อะไรอย่างนี้
HDP: แล้วพี่เคยไปขี่วิบากต่างประเทศมั้ยครับ เคยมีใฝ่ฝันอยากไปขี่กันบ้างมั้ย
พี่เอก: ใฝ่ฝันน่ะมีนะ หลังๆ นี่ก็คือส่งเด็กไป เราไม่กล้าขี่เอง เราก็พาเด็กไปแข่ง

HDP: ไปแข่ง แต่ว่าไม่ได้ไปขี่แบบลุยอะไรอย่างนี้แล้วใช่มั้ยครับ
พี่เอก: ไม่มีๆ อยากไปขี่อย่างนั้นนะ เมื่อก่อนมันไปไม่ได้ เราทำร้านขึ้นมาตั้งแต่ 91 เราก็ทำร้านเล็กๆ ทำเรื่อยๆ เปื่อยๆ ของเราไป แต่ก็อยู่มาตลอด ทำมาตลอดๆๆๆ เพิ่งมาที่คนรู้จักเยอะๆ ก็ช่วงหลังเนี่ย เพราะว่าเรามาในกลุ่มสปอร์ตมันใหญ่ขึ้นใช่มั้ย คนก็เริ่มรู้จัก มีเว็บไซต์มีอะไร แต่สมัยก่อนถ้าถาม Dirt Shop นี่ต่างจังหวัดรู้ คนกรุงเทพไม่รู้เลย รถวิบากมันวิ่งอยู่ต่างจังหวัด
พี่ไบ๋: เมื่อก่อนเห็นมั้ย รถวิบากวิ่งอยู่ในกรุงเทพ เดี๋ยวนี้เป็นเรื่องแปลกประหลาด ใครขี่วิบากในกรุงเทพนี่
พี่เอก: ผมก็ใช้ในเมืองนะ XR600, BR350, KTX200 อะไรพวกเนี้ย เช้าๆ ตอนผมไปเรียนสมัยก่อน รอบ 7 โมงเช้า 6 โมงก็ไปละ ขี่ไปขี่กลับทุกวัน

HDP: คือพี่อยู่ที่ละแวกนี้อยู่แล้ว
พี่เอก: ผมอยู่นี่แหละครับ อยู่เนี่ย เนี่ยซอยบ้านผมอยู่เนี่ย แล้วช่วงเรียนหนังสือ ผมก็ขี่ในผาสุก เมืองทอง ทะลุสุเหร่าสะพานควาย ขึ้นสะพานนั้น ลงกระโดดสะพานข้ามเมืองทองการ์เด้นท์ กระโดดได้นะเนี่ย เล่นหมด เมืองทองการ์เด้นท์น่ะ โดดได้นะ วิบาก ไม่ต้องโดตรงกลาง โดดลงอีกฝั่งนึงเลย เล่นอยู่แถวนั้นแหละ เนี่ย เมืองทอง ผาสุกอะไรพวกเนี้ย สระว่ายน้ำเนี่ยผมก็ว่ายอยู่ ละแวกนี้ก็ใช่หมด

HDP: ถ้าสมมุติว่าโดดข้ามไปฝั่งโน้น แล้วมีอะไรอยู่ข้างหน้าละครับ
พี่เอก: ต้องยืนมองก่อน เวลาเราขี่เราจะดูรู้ มองเห็น ไอ้รถวิบากที่มันยืน ที่จริงมันมีเหตุผลนะครับ ไม่ใช่ไม่มีเหตุผล เพราะเหมือนเราขี่รถอยู่อย่างนี้ ถ้าเรานั่ง สายตา ระดับสายตาเราก็จะมองได้แค่นี้ แต่ถ้าเรายืนปุ๊บ เราก็จะมองได้ไกลไง มุมมันก็จะเปลี่ยนไป ซึ่งมองได้ไกล
พี่ไบ๋: เหมือนรถเก๋ง กับรถ โฟร์วิล มองได้ไกลกว่า
พี่เอก: พอยืนเท้าหลังไม่มีแล้ว เอ่า ไป

HDP: ในวงการวิบากนี่ ฝีมือเจ๋งสุดนี่คือทางพวกอเริมกาอะไรพวกนี้
พี่ไบ๋: อเมริกาครับ




HDP: สนามของเค้ามีเปิดให้ขี่มั้ยมั้ยครับ หรือว่าไม่มี
พี่ไบ๋: มีครับ ค่าจ่ายแพงนะ ไม่ใช่ว่าถูก
พี่เอก: จะไปถึงอย่างนั้น เราก็ต้องหารถใช่มั้ยครับ ลำบากนะ เริ่มไม่ค่อยจะง่ายละ อุปกรณ์ที่ไปขี่ ต้องไปซื้อใหม่ก็ไม่ไหวนะ หลายหมื่นนะ ไม่ได้เหมือน Harley นะ กางเกงยีนส์ รองเท้าก็ขี่ได้ละ หมวกกันน็อคใบนึง อันนี้ไม่ใช่ ต้องมีหมวกกันน็อค มีการ์ด มีถุงมือ มีกางเกง มีการ์ดเข่า มีรองเท้า โห แบกไปจากเมืองไทยก็น้ำหนักเกินละ

HDP: ไปดูแข่งอย่างเดียวเลยเหรอครับ
พี่ไบ๋: ไปตั้งแต่ 7 โมงเลยนะผมน่ะ เวลามีแข่งรถ ไปตั้งแต่ 7 โมง มีกล้องตัวนึงมั่ง อะไรมั่ง สนุกสนาน ไปดูเค้าขี่ยังไง คนไทยยังห่างครับ ห่างเยอะ

HDP: สำหรับพี่เอก ถ้าเกิดพูดถึงนักขี่ในวงการวิบาก ที่จะเข้ามาใหม่ เค้าควรจะต้องเตรียมตัวยังไง รึว่าในวงการนี้เข้ามาได้ง่ายมั้ย ควรจะต้องใช้ ต้องมีงบเท่าไหร่ครับ
พี่เอก: วิบาก พื้นฐาน แล้วก็การฝึกซ้อม สำคัญมาก แล้วก็เหมือนกับทุกๆ อย่าง เวลา คือบ้านเราเนี่ย มันจะมี สมมุติว่ามันจะมีคนเก่งๆ อยู่สัก 3-4 คนเนี่ย ถ้าเราไป target ตรงนั้นนะ มันก็อยู่ได้นาน เราต้อง target ไปที่ญี่ปุ่น ไปออสเตรเลีย ไปเอเชีย หรือไปอะไรก็แล้วแต่ เราต้อง target ไปตรงนั้น ถ้าเกิดเมื่อไหร่ก็แล้วแต่ ซึ่งทุกคนเป็นอย่างนั้น target ไปที่นาย กอ นาย ขอ ซึ่งเป็นอันดับ 1-5 ของประเทศไทยปุ๊บ มันเหมือนหยุดพัฒนา เราเป็นอย่างนั้นมาตลอดนะที่เห็น แล้วก็พื้นฐานของเด็กที่จะเล่นวิบากเดี๋ยวนี้ มันอายุน้อยลงเรื่อยๆ สมัยก่อน เริ่มเล่นก็ 8 ขวบ 9 ขวบ 10 ขวบอะไรอย่างนี้ เดี๋ยวนี้ 4-5 ขวบก็เริ่มจะมี

HDP: เอาเด็กๆ ไปขี่เลย แล้วไม่อันตรายเหรอครับ เกิดล้มขึ้นมา
พี่เอก: ชุดต้องพร้อมครับ ไม่อันตรายครับ เพราะมันอยู่ในสายตาของผู้ปกครองด้วย มันไม่ใช่เป็นเด็กแว๊น พ่อแม่ก็ไปดู ยังไม่โดดมาก แล้วก็ค่อยพัฒนาไปเรื่อยๆ บางทีพลาดล้มแล้วก็ร้องไห้อะไรอย่างเนี้ย รถทับหน่อยนึงอะไรอย่างเนี้ย ที่จริงขี่บนสนามนี่ Safe กว่าขี่บนถนนเยอะเลยครับ ในทุกๆ อย่าง ทั้งวิบากเอย หรือว่าทางเรียบเอยเนี่ย มันไม่มีตัวบวกนะ เพราะปัจจัยมันอยู่ที่คนขี่อย่างเดียวครับ แต่ถ้าขี่บนถนนเนี่ย ปัจจัยมันยิ่ง มีอะไรอีกเยอะ แล้วอีกอย่างนึงคือคนไทย อันนี้ผมพูดรวมๆ นะ บางทีก็ Ego สูง เฮ้ย ตัวเองเจ๋งแล้วอะไรอย่างนี้ ตรงนั้น ทำให้หยุดพัฒนาเลยนะ ทุกอย่างนะ ไม่ใช่เฉพาะขี่มอเตอร์ไซค์ ฟุตบอลเอย อะไรเอยเหมือนกัน เราเห็น เราดูอยู่เราก็เห็น Ego เยอะก็ไปไม่ได้ ฟุตบอลเมื่อก่อนเก่งจะตายคนไทยอ่ะ เก่งกว่าญี่ปุ่นอีก คนไทยเก่งหมด ถ้าอายุต่ำกว่า 16 เดี๋ยวนี้อายุต่ำกว่า 14 ก็ยังเป็นแบบขึ้นระดับโลกได้อยู่ แต่ถึงเวลาจากนั้นไป ทำไมมันถึงไปไม่ได้ก็ต้องกลับไปคิดเอา ไปไม่ได้จริงๆ พอเกินปุ๊บ ไปละ หลุดโลกละ ชอบถูกบังคับ ความมุ่งมั่นเอย อะไรเอยมันหายไป แนวคิดสำคัญที่สุด



HDP: แนวรถของพี่เอกละครับ นอกจากวิบาก ตอนนี้มีขี่อะไรบ้าง
พี่เอก: ผมมีรถสปอร์ตก็มีนะ แล้วก็มี สปอร์ตก็มีอยู่ 2-3 คัน แล้วก็ตอนนี้ที่ชอบคือพวกแนวแบบ Motard อะไรอย่างเนี้ยครับ คือมันเป็นทรงวิบาก อะไรอย่างเนี้ย แต่ว่าขี่ในทางเรียบ สไลด์ เข้าโค้งอะไรอย่างเนี้ยก็สนุกดี

HDP: ก็ยังเป็นแนววิบากอยู่ดี
พี่เอก: แต่เริ่ม เริ่มมีเอียงมาฮาเล่ย์ละ เริ่มมีเอียงละ เริ่มแก่ มันก็ขี่สบายดีเว้ย แต่มันไม่สนุกแค่นั้นเอง แล้วเราเคยขี่รถมันส์ๆ มาใช่มั้ยครับ พอขี่พวกนี้ปุ๊บ มันก็ cruise ไปเรื่อยๆ อะไรอย่างเงี้ย แต่ก็ยังชอบแต่งรถอยู่ ถ้าจะให้ขี่แบบ hand ring อะไรคง นึกภาพตัวเองไม่ออก มันต้องเป็นแฮนด์อย่างนี้ อะไรประมาณเนี้ย บางทียังมองเลย เอ้ Road King นี่มันก็น่าขี่ดีเหมือนกันนะอะไรอย่างเนี้ย แต่ตัวที่ผมชอบจริงๆ คือ Springer ผมชอบ Springer Softail อะไรอย่างเนี้ย แต่แต่งนะครับ ไม่ได้หมายถึงว่าเดิมๆ นะ ทำ ทำให้มันสวยๆ แล้วอะไรก็ตามที่เราดูอยู่บ่อยๆ เนี่ย มันไปตามนั้นเลย เมื่อก่อนยางโตๆ ใช่มั้ย เดี่ยวนี้ Old school อย่างเนี้ย จากไม่เคยชอบยังเอียงๆ เลย เริ่มละ เฮ้ย มันสวยดีวะ อะไรประมาณนี้ old school แล้วก็พักเท้าอยู่ตรงกลางๆ รถหน่อยน่ะนะ เริ่มเอียงละ เริ่มไปละ ถ้ามีโอกาสก็คงทำสักคันนึงอะไรอย่างเนี้ย ข้อดีของ Harley ไม่มีที่สิ้นสุด ก็ทำไปเรื่อย ไม่หยุด รถมันทำไม่หยุด ทำได้แบบไม่มีที่สิ้นสุดเลย นอกจากว่าอยากจะพอก็พอเท่านั้นเอง แต่ว่าถ้าอยากจะทำต่อนี่มัน ให้มันรู้ว่า ปีไหนก็แล้วแต่ อู้หูทำได้

HDP: แล้วมันมีให้เลือกหลายแบบ เป็นแบบ ทัวร์ริ่งจะเอาให้สุดทัวร์ริ่ง นี่ก็ไม่รู้จะสุดยังไง แล้วพอเบื่อทางนี้ก็เปลี่ยน ตอนนี้ผมก็เริ่มเอนเอียงไปทางทัวร์ริ่งนะ
พี่เอก: สบายไง พอขี่ออกต่างจังหวัดก็สบายไง แสดงว่าเริ่มขี่ในเมืองน้อยละ เริ่มขี่ออกทริปเยอะ

HDP: หลังๆ มาพอเริ่มขี่ออกทริปเนี่ย ผมเริ่มขี้เกียจ บางทีคนชวนไปโน่นไปนี่ นี่ผมเฮ้ย ไม่อยากไปวะ เฮ้ย เดี๋ยวรอซื้อคันใหม่ก่อนละกัน
พี่เอก: มีหลายคนที่ขี่ฮาเล่ย์ แล้วซื้อ บีเอ็มขี่นะ GS เดี๋ยวนี้ก็ออกทริปด้วย GS อย่างเดียว

HDP: แล้วก็มี Gs ที่หันกลับมาขี่ฮาเล่ย์ เขาบอกได้มองวิวบ้าง มีหลายคนเลย กลับมาขี่ฮาเล่ย์ เมื่อก่อนขี่ BM มันบอกเนี่ย พี่เพิ่งรู้เอ้ยว่าถนนหลักกิโลมันสวย พอขี่ทีไรก็ไม่เคยดูเลย
พี่เอก: ใช่ๆ คือมันมีอย่างนี้แล้ว อยากรู้ว่าอย่างอื่นเป็นยังไง ลองขี่ดู เป็นอย่างงั้นมากกว่า

หลังจากที่ได้ทำความรู้จักกับร้าน Dirt Shop โฉมใหม่กันหลากหลายแง่มุมแล้ว ได้เข้าไปอยู่ในห้อง Dyno Test พร้อมกับได้เห็นวิธีการจูนกล่อง Power Commander กับสุดยอดนวัตกรรม สองล้อจากแดนมักกะโรนี อย่างเจ้า Ducati Desmo ที่เคยเห็นแต่จอดอยู่เฉยๆ แต่มาคราวนี้ ได้เห็นสมรรถนะกันแบบเน้นๆ ว่าเวลาวิ่งถึงระดับ 300 KM/H เป็นยังไง... เสียงท่ออันดุดันของเจ้า Desmo เล่นเอาหูแทบแตก ขนาดใส่ Ear Guard ป้องกันเสียงแล้ว ยังแทบเอาไม่อยู่ ท้องไส้สั่นสะเทือนไปหมด ไม่เพียงแต่รถในแบบสปอร์ตแรงสูงเท่านั้นที่สามารถนำขึ้นจูนกับเครื่อง Dyno Test ได้ แต่สำหรับ HD ก็ยังสามารถนำมาจูนกับเครื่องนี้ได้ เพื่อรีดประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ออกมาได้อย่างเต็มที่

รบกวนพี่เอก และพี่ไบ๋ ซะตลอดช่วงบ่ายจนเย็น ก็ได้เวลาขอตัวลากลับ สำหรับท่านใดที่สนใจสินค้าของ HD จากร้าน Dirt Shop ที่มีโช๊คสมรรถนะสูงจาก Ohlins, ชุดตกแต่งแนวล้ำสมัยจาก Rizoma และสินค้าอีกหลากหลาย สามารถแวะเข้ามาเยี่ยมชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00 – 18.30 เบอร์โทรศัพท์ 02-322-1441, 02-322-1446

ไว้พบกันใหม่คอลัมน์หน้าครับ

 

Share   Like
Comments