จากจุดเริ่มต้นในปี 1994 จนถึงปัจจุบัน Big Dog ได้ผลิตรถ Custom Bike ออกสู่ตลาดมากกว่า 20,000 คัน จัดได้ว่าเป็นผู้ผลิตรถ Custom Bike ที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาในขณะนี้ ปัจจุบัน Big Dog ได้ออกแบบรถสำหรับจำหน่ายในไลน์การผลิตอยู่ 5 รุ่นด้วยกัน ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 117 คิวบิคอินช์ (ประมาณ 1916 ซีซี), ระบบเกียร์ 6 สปีด, ถังน้ำมันทรงยาว, ขับเคลื่อนแบบ RSD, ล้อหลังมหึมา 300 มม., บังโคลนเหล็ก, ส่วนประกอบย่อยชุบโครมฯ และสีสรรลวดลายกราฟฟิกของตัวถังที่มีให้เลือกมากมาย ประกอบกับชิ้นส่วนต่างๆที่ Big Dog ผลิตขึ้นใช้สำหรับ Custom Bike ของตัวเองอย่าง ชุด Hand Control – Foot Control, ครอบกรองอากาศ, ครอบคอยล์, กระจกมองข้าง หรือบางรุ่นที่ใช้ระบบหัวฉีดอิเลคทรอนิคส์ ซึ่งได้มาตรฐานของโรงงาน Big Dog |
|
|
Big Dog มีตัวแทนจำหน่ายถึง 100 แห่งใน America พนักงาน 300 คนที่ทำงานในโรงงานขนาด 175,000 ตารางฟุต ในเมือง Wichita, Kansas แต่จุดเริ่มต้นทั้งหมดเกิดขึ้นในปี 1994 ในโรงรถส่วนตัวด้วยคนเพียงคนเดียวที่ต้องการแต่งรถเพียงคันเดียวเท่านั้น
ลองมาดูประวัติคร่าวๆพร้อมรถที่ถูกแต่งโดยสำนักแต่ง Big Dog ในอดีตจนมาถึงรถที่จำหน่ายในปัจจุบันกัน
|
1994
|
Old Smokey – Big Dog #1 รถคันแรกที่ถูกตกแต่งโดย Big Dog
|
|
1995
|
นำรถที่ใช้เฟรมแบบที่มียางรองแท่นเครื่องมาแต่ง มีรถในไลน์ผลิต 3 รุ่นด้วยกัน
|
|
1996
|
ย่างเข้าสู่ปีที่ 3 กับยอดขายทะลุ 100 คัน สามารถผลิตรถได้ 20 คันต่อเดือน
|
|
1997
|
เพิ่มไลน์การผลิตเป็น 5 รุ่น กับจำนวนพนักงาน 55 คน และตัวแทนจำหน่าย 40 แห่ง พร้อมตกแต่งสีสรรของรถและดีไซน์ใหม่ๆของล้อแม๊ก
|
|
1998
|
ออกรถรุ่นใหม่ที่ใช้เฟรมแบบหลังแข็ง และล้อหลังขนาด 160 มม.
|
|
1999
|
เพิ่มขนาดความจุเครื่องยนต์เป็น 107 คิวบิคอินช์ (ประมาณ 1750 ซีซี) กับยอดขาย 1000 คัน เพิ่มกำลังการผลิตเป็น 100 คันต่อเดือน
พนักงาน 100 คน
|
|
2000
|
ขยายโรงงานเป็นขนาด 110,000 ตารางฟุต ด้วยรถในสายการผลิตถึง 6 รุ่น
|
|
2001
|
เพิ่มรถในไลน์การผลิตเป็น 8 รุ่น พร้อมเพิ่มขนาดยางหลังเป็น 230 มม. ด้วยยอดขายถึง 30 ล้านเหรียญในปีนี้
|
|
2002
|
เปลี่ยนขนาดยางหลังให้ใหญ่ขึ้นเป็น 250 มม. ในรถ 3 รุ่นของไลน์การผลิต
|
|
2003
|
นำรถรูปแบบเก่ามาปัดฝุ่นใหม่ในรุ่น Chopper ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ยอดขายรถในปีนี้สูงถึง 3,500 คัน ด้วยมูลค่าถึง 80 ล้านเหรียญ
|
|
2004
|
ครบรอบ 10 ปีของ Big Dog ด้วยยอดขายรวมกว่า 10,000 คัน ด้วยรูปแบบรถในไลน์การผลิต 6 รุ่น
|
|
2005
|
เริ่มทศวรรษที่สอง ด้วยการขยายเครื่องยนต์ให้ใหญ่ขึ้น ชุดเกียร์ 6 สปีดจาก Baker ระบบส่งกำลังรุ่นใหม่ และระบบโช๊คหลังแบบอากาศ
|
|
2006
|
ยอดขายรวมปัจจุบันกว่า 20,000 คัน
ด้วยตัวแทนจำหน่าย 100 แห่ง พร้อมกับพัฒนารูปแบบรถในไลน์การผลิตให้ดูล้ำหน้ายิ่งขึ้น
|
|
2007
|
ปัจจุบัน Big Dog ขยายยางหลังให้ใหญ่ขึ้นไปอีกด้วยขนาด 300 มม. ในรถทุกรุ่น และเปิดแผนกทดสอบรถเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ
ของรถให้ล้ำ้หน้ากว่าคู่แข่ง
|
|
คงจะเห็นพัฒนาการของ Big Dog ตั้งแต่เริ่มต้นในปี 1994 จนถึงปัจจุบันแล้วว่า มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ
โดยรถของ Big Dog ในปัจจุบันมีจำหน่ายอยู่ทั้งหมด 6 รุ่นด้วยกัน คือ
|
เครื่องยนต์ที่ใช้ในรถ Big Dog ทั้ง 5 รุ่นจะเป็นเครื่องยนต์แบบ V-Twin 45’ ขนาดความจุ 1916 cc. ระบบเกียร์ 6 สปีด ใช้สายพานเป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งในแต่ละรุ่นจะมีความแต่งต่างกัน ในรายละเอียดปลีกย่อยและรูปทรงที่ทำมา เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ชื่นชอบรถ Custom Bike ทั้งแบบ Chopper และ Pro Street |
|
ลูกเล่นของ Big Dog อีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่องของสีสรรลวดลายที่มีให้เลือกอย่างจุใจ หลังจากเลือกรูปทรงรถที่ต้องการแล้ว แต่ยังไม่พอใจกับสีมาตรฐาน ก็สามารถเลือกลวดลายต่างๆได้อีก โดยจะแบ่งตามความยากง่ายของลายซึ่งมีให้เลือกเล่นถึง 8 ระดับ |
หลังจากได้สีสรรที่ถูกใจแล้ว ยังมีของเล่นสำหรับชิ้นส่วนต่างๆมาให้เลือกกันอีก อย่างเช่น |
ท่อไอเสีย
|
|
|
|
ซึ่งในแต่ละรุ่นและแต่ละปีในรถของ Big Dog จะมีของแต่งที่แตกต่างกัน ทำให้ได้ชื่อว่าเป็นรถแบบ Custom Bike ในเชิงพาณิชย์จริงๆ |
|
คงพอจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของเจ้าพ่อรถ Custom Bike ของอเมริกา กันแล้วนะครับ อยากให้วงการ HD บ้านเรามีพัฒนาการอย่างนี้บ้าง ยิ่งถ้าได้ถึงขนาดสร้างและผลิตชิ้นส่วนส่งกลับไปขายในบ้านเค้าเอาดุลการค้าคืนมาบ้างหล่ะก็คงจะสุดยอดเลยครับ ถ้าเพื่อนๆท่านใดสนใจอยากดูรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถแวะไปดูได้ที่ Big Dog Motorcycles ครับ |
|