และแล้วก็มาถึงวันสุดท้ายของทริปโดดงานตะลุยยุโรป...
เข้าสู่วันที่ 8 ของการเดินทาง วันนี้คืนรถไปเรียบร้อยแล้วครับ ต้องเดินเท้าขึ้นรถไฟ เข้าเมือง จาก โรงแรม Henry เดินประมาณ 10 นาทีก็จะมาถึงสถานีรถไฟ Altenerding นั่งมาอีกประมาณ 10 สถานี มาลงที่ Berg am Laim “HD of Munich” อยู่ที่นี่ครับ ถ้าเมื่อวานแบตฯ GPS มีอยู่พอ ก็คงจะขี่เข้ามาเลย น่าเสียดาย... และเมื่อยขาจริง ๆ
เช้าวันนี้ก่อนออกเดินทาง มีไบเกอร์ท้องถิ่นขี่ KTM มาจอดยั่วน้ำลายอยู่หน้าโรงแรม น่าจะเป็นคน Austria ขี่เข้ามาเที่ยวเยอรมันมั้ง.. เดาเอาครับ
เดินมาจนถึงสถานีรถไฟ ถ่ายรูปเส้นทางเดินรถเก็บเอาไว้ก่อน เผื่อหลงจะได้เปิดดูได้ ดูเส้น S2 สีเขียวทางด้านขวาบนครับ จะเห็นสถานีปลายทง Erding แต่ของเราอยู่สถานีก่อนปลายทาง Altenerding แล้วต้องนั่งมาจนถึงจะเชื่อมในเมือง
ดูตารางเดินรถแล้ว ต้องรอกันอีกประมาณ 15 นาที
ป้ายสถานี Altenerding แต่ไม่รู้ใครมือบอนไปลบออกซะได้ ขยันจริง ๆ
ระหว่างการเดินทาง พี่เปรียวเลยนอนพักเอาแรงซะหน่อย ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครับ
วิวนอกหน้าต่างรถไฟ มีแต่ไร่นาเต็มไปหมด
ภายในรถไฟ ค่อนข้างโล่ง ผู้โดยสารหายไปไหนกันหมดเนี่ย...
นั่งคุยเล่นกันซักพัก ก็มาถึงสถานีจุดหมาย Berg am Laim มาถึงเร็วกว่าที่คิดไว้ เพิ่งจะ 10 โมงหน่อย ๆ เอง
เดินมาด้านล่างของสถานี จะมีป้ายเขียนไว้ว่า Hultschiner Strasse ก็เดินไปทางนั้นแหละครับ
แผนที่ของเยอรมันช่าง งง ดีจริง ๆ อันนี้ดูจาก Google Earth นะครับ
จะเห็น HD House of Flames Munich อยู่ในแผนที่ มองดูแล้วใกล้ ๆ แต่พอเดินเข้าจริง ๆ ก็เมื่อยเอาเรื่องเหมือนกัน
ใกล้สถานีจะมีตึกกระจกนี้อยู่ครับ ถ้าเห็นก็แปลว่ามาลงถูกที่แล้ว
เส้นทางเดินจากตึกกระจกเลี้ยวซ้ายเข้ามา ถนนอย่างนี้เนี่ยนะจะมีร้าน HD อยู่จริง ๆ เหรอ เริ่มลังเลว่ามาถูกทางหรือเปล่า ยิ่งขี้เกียจเดินอยู่ด้วย
แล้วก็มี HD วิ่งสวนทางมา อย่างนี้แปลว่ามาถูกทางชัวร์
เดินต่อมาอีกหน่อยก็เห็นรถ Service ของ HD House of Flames จอดอยู่ริมถนนครับ สมชื่อ House of Flames จริง ๆ
ลายพร้อยทั้งคัน
เดินต่อมาอีกหน่อย ก็มีจอดอยู่ด้านซ้ายอีกคัน อย่างกะเป็นฝาแฝดกับคันแรก
โรงไม้แถว ๆ นี้ตัดไม้ออกมาลำใหญ่ ๆ ทั้งนั้นเลยครับ
ถัดมา คราวนี้เป็น Chevy Van แต่งลายแบบ HD รุ่นนี้น่าเอามาใช้งานเหมือนกันนะครับ ยิ่งตอนนี้ราคาในบ้านเราถูกแสนถูก เพราะไม่มีตังค์จ่ายค่าน้ำมัน ก็เล่นซดอย่างกับน้ำชา ลิตรนึงวิ่งได้ 4 โล แต่เห็นหลายคนเอามาติดแก๊ส วิ่งกันสบายเฉิบครับ
Dyna Wide Glide ปีใหม่ล่าสุดก็โผล่มาให้เห็น
ท่ออะไรก็ไม่รู้ ดูแปลกตาดี ทางยุโรปเขาแต่งท่อไม่เหมือนกับทาง US ครับ มียี่ห้อที่ไม่นิยมในบ้านเราอยู่เยอะเหมือนกัน
Dyna แบบ TC88 ก็มีให้เห็นอยู่เหมือนกัน คันนี้ดูไม่ออกว่าเป็นรุ่นอะไร แต่เครื่องขาวแบบนี้ น่าจะเป็น Super Glide มั้งครับ
ส่วนคันนี้แต่งมาออกแนว Hard Core หน่อย ๆ สไตล์ทางฝั่งยุโรปเขาหล่ะ แต่เห็นความกว้างของแฮนด์แล้ว ต้องยกให้ขี่แถว ๆ นี้อย่างเดียว เอามาขี่บ้านเรามีหวังจอดเป็น ตุ๊กตุ๊ก แหง๋ ๆ
เดินมาจนถึงหน้าร้าน Harley-Davidson of Munich ในที่สุดก็ได้มาเยือน
เดินเข้ามาภายในร้าน รถเขาเอามาจอดเรียงกันเต็มไปหมด แทบจะเข้าไปยืนเล็งใกล้ ๆ ไม่ได้เลย มีทั้งรถใหม่ รถมือสอง เพิ่งเคยเจอร้าน HD ที่จัดร้านได้แน่นขนาดนี้
มี Panhead สภาพสวย ๆ จอดรวมอยู่ด้วย มาร้านนี้ต้องค่อย ๆ เล็ง ค่อย ๆ ดูครับ เพราะมันลายตาเต็มไปหมด
อีกด้านของร้านก็จะเป็นขายของที่ระลึก ส่วนพื้นที่ตรงกลางก็จอดรถโชว์เหมือนกัน
พี่เปรียวกำลังเล็งเจ้า Deuce แฮนด์โหน ทำสีถังซะดุเชียว แต่แฮนด์นอกจากจะโหนแล้ว ยังกว้างอีกด้วยครับ
มุมด้านในของร้านจะเห็นมุมขายเสื้อผ้า มีเสื้อหนัง, กางเกงหนัง, Chaps, แจ๊กเก็ต ให้เลือกกันเพียบครับ ว่าจะซื้อ Chaps ซักตัว แต่เห็นราคาแล้วซื้อไม่ลง แพงกว่าที่ US ตั้งเท่าตัว
เดินมาสะดุดที่ Road King Custom ปี 2007
ป้ายแขวนบอกราคาไว้ที่ 15,400 ยูโร ประมาณ 662,000 บาท รถวิ่งมา 48,097 กิโล ผมว่าไม่แพงนะ ถ้าเทียบกับค่าอาหารที่แพงกว่าบ้านเราเกือบ 10 เท่า แต่คงมีค่าภาษี ค่าประกันภัย หยุมหยิมอีกเพียบ
คันนี้แต่งได้ดุดันตามยุคนั้นจริง ๆ ครับ ล้อโต, เบาะ Solo, ช่วงหน้าแบบ Up Side Down ที่ทางคับแคบ แต่รถเด็ด ๆ มีเพียบครับ
มุมขายอะไหล่ครับ มี Front End แขวนขายอยู่หลายตัว ทั้งแบบ Wide Glide, Nacelle Head หรือแบบ Springer
มาสะดุดตาที่ Springer Front End สีนี้คุ้น ๆ เหมือนเป็นสีของพวก CVO ปี 2009 พอดูราคาแล้วค่อยแน่ใจ เพราะชุดนี้แค่ 2 แสนกว่าบาทเองครับ
จอดกันสะเปะสะปะ มีทั้ง XR, V-Rod, Softail, Touring, Custom Bike รวมกันเป็นเกาเหลาครับ
แต่ก็ยังพอมีทางเดินเข้าไปชมผนังแขวนอะไหล่อยู่บ้างครับ แบ่งพื้นที่เป็นตระกูลต่าง ๆ ตามมาตรฐาน Show Room ของ Authorized Dealer
Road King Police ปี 2009 ติดป้ายเอาไว้ที่ราคา 17,900 ยูโร แต่ Police ของที่นี่มีแค่สีขาว - ดำ ของเล่นเหมือนกับ Police บ้านเราไม่มีเลยครับ
เห็นหลังแว๊บ ๆ มีฝรั่งใส่เสื้อ HD of Bangkok เดินอยู่ในร้านด้วยครับ รู้สึกว่าจะเป็นผู้จัดการของร้าน พี่เปรียวไปยืนคุยด้วยอยู่พักนึง เห็นบอกว่าเคยแวะมาเที่ยวงาน Bangkok Motorbike Festival ซะด้วย
แผ่นพับสำหรับแจกใหักับลูกค้า เป็น Model ต่าง ๆ ของ HD ปีล่าสุด
ตู้กระจกโชว์ของที่ระลึก
เดินวนอยู่ตั้งนาน ไม่รู้จะซื้ออะไรดี แต่พี่จุ๊บซื้อของฝากซะเพียบเลยครับ และก็เหมือนปกติของบัตร HOG ถ้าเป็น HOG International ลดไม่ได้ครับ ต้องเป็น HOG Local เท่านั้น
เดินออกมาด้านนอก มี HOG Munich เดินกันอยู่หลายคนเลย
เจ้า Fat Boy ล้อโตคันนี้ หลงมาจากยุคเก่า ขนาดล้อหลังใหญ่แล้ว ป้ายทะเบียนยังแทบปิดมิดเลยครับ
เครื่อง Evo กับท่อ Super Trapp, ล้อแม๊กของ PM, กรอง Kuryakyn Hypercharger เปลี่ยน Caliper เบรกใหม่น่าจะเป็นของ PM ผมว่าไส้ในต้องมีอะไรอีกแหง๋ ๆ
เครื่องหมาย Authorized Rentals ที่นี่มีรถให้เช่าขี่ด้วยครับ
Sportster แต่งแบบ Café ดูผ่าน ๆ สวยดีครับ อย่างถังน้ำมันน่าจะเป็นของพวก Ducati หรือเปล่าไม่แน่ใจ
ท้ายตูดมด ตีขึ้นมาใหม่, Fender Strut ถูกตัดออกแล้วเชื่อมใหม่ ขยันทำดีจริง ๆ
Authorized Dealer... House of Flames มีอยู่ใน 2 เมืองครับที่ Munich กับที่ Ulm เทียบไซซ์กันกับ Harley Factory ที่ Frankfurt แล้ว คนละเรื่องครับ ที่นู่นได้โครงสร้างโรงงานเก่าเอามาทำเป็น Show Room ใหญ่ประทับใจ
Cross Bones คันนี้แต่งซะแทบจำไม่ได้เลยครับ ถอดซะเป็น Vintage Bobber เต็มตัว
ฝาสูบก็ใส่ชุดแต่งให้กลายเป็น Knuckle Head พร้อม Generator ท่อตีใหม่เป็นแบบ 2 ออก 1 ปลายหางปลา ยืนดูตอนแรกกำลังสับสนว่าเอา Springer ตัวไหนมาทำกันแน่ แต่เห็นครีบเสื้อสูบแบบไม่ล้างขอบออกก็ถึงบางอ้อว่าเป็น Cross Bones แน่นอน
รถจอดกันเต็มหน้าร้าน ไม่รู้รถลูกค้าหรือว่ารถของร้าน
ก่อนออกจากร้าน HD of Munich ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกซะหน่อย คนขี่ HD ย่อมต้องอยากไปเยือนร้าน HD ในแต่ละที่ที่มีโอกาสได้ไปเที่ยว คล้าย ๆ กับแวะมาเที่ยวบ้านญาติ แต่ร้าน HD มักจะมีลูกค้ามากมายที่แวะมาเยือน จนทำให้รู้สึกชินกับคนต่างถิ่นที่แวะเข้ามา อย่าง ร้านที่ Frankfurt พนักงานพาผมเดินเล่นไปจนถึงหลังร้าน หรืออย่างที่ Taiwan พนักงานก็ชวนคุย พาเดินจนถึงแผนกซ่อม แถมฝากของที่ระลึกกันยกใหญ่ ทางฝั่ง Scan อย่าง Denmark กับ Sweden ก็ยิ่งยิ้มแย้มแจ่มใส คุยกันสนุก แต่ของที่นี่ หน้าเขาจะนิ่ง ๆ คอยเดินมาดูตอนลองเสื้อนิดหน่อย จะมีก็แต่เจ๊ Cashier ที่คุยเล่นบ้าง แต่พอมีลุงหนวดพนักงานอีกคนเดินมาก็เงียบไป อันนี้อาจจะขึ้นอยู่กับนโยบายของร้าน การเทรนพนักงาน และพฤติกรรมส่วนตัวของพนักงาน แค่คุยเล่นนิดหน่อย ยิ้มแย้มทักทาย ก็น่าจะเป็น Trick เล็กน้อยที่จะทำให้ผู้มาเยือนเกิดความประทับใจครับ
กลับมารอรถไฟที่เดิม อีก 10 นาทีเที่ยงครับ
ตอนเดินกลับโรงแรม มีป้ายติดอยู่ริมถนนครับ อันนี้มองจากด้านในมานอกถนน ประมาณว่าห้ามเด็ก ๆ ออกไปเล่นนอกเขตนี้
อีกด้านของป้าย จากถนนมองเข้ามา จะเห็นเป็นเขตหมู่บ้าน ระวังเด็กออกมาเล่นกลางถนน เข้าใจทำแฮะ
ระหว่างเดินใกล้ถึงโรงแรมแล้ว มีสามล้อโผล่มาพอดีครับ Trike คันนี้ให้อารมณ์เหมือนกับ Mad Max เลย
เครื่องออกตอน 4 โมงเย็น กลับมาถึงโรงแรมบ่ายโมงกว่า เก็บกระเป๋าเรียบร้อยก็เรียกรถ Taxi พาไปสนามบิน
สนามบิน Munich ขนาดไม่ใหญ่ คนไม่เยอะ แต่เห็นมีกรุ๊ปทัวร์ชาวเกาหลีเพียบเลยครับ
วันมาถึงเทียบกับวันกลับ ผมว่าน้ำหนักน่าจะต่างกันประมาณ 5 กิโลได้แล้วมั้ง เล่นกินวันละ 5 มื้อ ไม่นับไอติมระหว่างทาง
ใช่ผมคนเดียวที่ไหน พี่เปรียวก็ใช่ย่อย ส่วนพี่จุ๊บ ช่วงนี้งดถ่ายรูปเดี่ยวแล้วครับ
Check-in เรียบร้อย เดินออกมาด้านนอกหาที่นั่งเล่นกันก่อน Sixt rent a car งวดหน้าถ้าพาคุณภรรยามา คงจะเช่ารถยนต์ดีกว่าครับ หาแบบเปิดประทุนพาขับเล่นไปนอนริมทะเลสาบ ทำคะแนนเอาไว้ เวลาขอไปออกทริปจะได้อนุญาตง่าย ๆ
แวะมานั่งร้านขายไส้กรอกด้านนอก เอารถบ้านอลูมิเนียม มาแต่งเป็นเครื่องบิน สวยดีครับ
ของผมเดินไปซื้อ Mc Donald มากิน ลดความอ้วนซะหน่อย
ส่วนของพี่เปรียว Curry Wurst มีพริกป่นให้กินด้วย เผ็ดแบบแปลกๆ
มี Wookie Dog เดินมาตัวนึง ถ้านอนนิ่ง ๆ อยู่หน้าบ้าน อาจจะนึกว่าเป็นพรมเช็ดเท้าก็เป็นได้
วันกลับอากาศเริ่มเข้า Summer เต็มตัว ต้องใส่เสื้อยืดเดินกัน ผิดจากวันแรกที่มาถึง ทั้งหนาว ทั้งฝน...
เข้ามาภายในสนามบินแล้วครับ เดี๋ยวนี้แทบทุกสนามบินต้องมีรถยนต์เข้ามา Display ด้วย
สำรวจราคา Green Label ที่นี่ ขวดละ 44.5 ยูโร ประมาณ 1900 แพงกว่าบ้านเราตั้งเยอะ
เดินมาถึง Gate กำลังเริ่ม Boarding พอดี
และแล้วเราก็กลับมายังจุดเริ่มต้นการเดินทางอีกครั้ง น่าจะเป็น Gate เดียวกันด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจ
พี่เปรียวระลึกความหลัง ณ บริเวณจุดเกิดเหตุ ปากทางออกจากเครื่องพอดี อุตส่าห์เดินวนหา คุณ ตม. เยอรมัน ที่อุตส่าห์พาออกไปสูบบุหรี่ตั้งนาน ดันหาไม่เจอ จะได้บอกลาว่า ไม่ได้หนีเข้ามาเป็นโรบินฮูดนะเฟ้ย... มาจริง ขี่จริง กลับจริง...
ลาก่อนเยอรมัน เดี๋ยวจะหาเรื่องมาขี่รถเล่นกันใหม่
ขาไป Doha คนไม่เต็มลำครับ เลยย้ายที่เตรียมตัวนอนกันได้สบาย ๆ
บินขึ้นจากสนามบิน Munich กลับเมืองไทยบ้านเราดีกว่า
มุ่งหน้าสู่สนามบิน Doha ประเทศกาตาร์
ท้องฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อย ๆ ไปต่อเครื่องอีกทีก็ประมาณตีสี่กว่า ๆ ที่ Doha
เข้าเขตน่านฟ้าประเทศไทยช่วงเที่ยงครับ มองลงมาบ้านเรามีทุ่งนา แม่น้ำลำคลอง เต็มไปหมด ผิดจากตอนบินผ่านตะวันออกกลาง มองลงไปเห็นแต่บ่อน้ำมัน แห้งแล้ง มีแต่ทราย ถ้าน้ำมันหมดประเทศแล้ว จะเอาอะไรกินกันหล่ะเนี่ย
และแล้วก็ถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ พี่เปรียวทำสถิติขาไปโดน ตม.เยอรมัน กักตัวเรื่องวีซ่าเข้าประเทศ ขากลับโดนศุลกากรไทย กักตัวขอตรวจค้นกระเป๋า ก็พี่เล่นขนของซะร่วม 50 กิโล 2 กระเป๋า คนเดียว เทียบขนาดแล้ว กระเป๋ายังใหญ่กว่าตัวอีกครับ
แล้วก็จบการเดินทางอันแสนสนุก ประทับใจในยุโรป กับทริปโดดงาน 8 วันขี่มอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยวตั้งแต่เยอรมัน ไปออสเตรีย แล้วกลับมาที่ เยอรมัน อีกรอบ ขอบคุณเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุกท่านที่ร่วมลุ้นกันตั้งแต่เริ่มเหยียบเข้าประเทศเยอรมัน จนกลับมาถึงเมืองไทยครับ ขอบคุณคุณ Hakko แห่งสถานฑูตเยอรมัน ที่ให้การช่วยเหลือ จนริปในครั้งนี้เกิดขึ้นได้ และต้องขอขอบคุณพี่ ๆ ทั้ง 2 ท่าน พี่จุ๊บ และพี่เปรียว ที่ร่วมเดินทาง เก็บเกี่ยวความสนุกไปด้วยกันครับ เดี๋ยวครั้งหน้าหาเรื่องไปขี่ทวีปอื่นกันบ้างนะครับพี่ |