A-C-01<br>Expired::
A-C-02<br>Expired::
A-C-03<br>Expired::
 
[Interview & Review]
 
Harley-Davidson: FLHTI Electra Glide Standard
By HDP PR
DATE: 2011.03.03
VIEW: 2127
POST: 0

 
 

กลับสู่ความเรียบง่าย : บทความทดสอบ Harley-Davidson FLHTI Electra Glide Standard รุ่นทัวริ่ง ที่มีชิ้นส่วนประดับที่น้อยชิ้น
เหมาะสำหรับนักขี่ที่ต้องการความหรูหราพอประมาณ และได้กลิ่นไอจากวันวาน
โดย Art Friedman
แปลจากบทความของ
Motorcycle Cruiser


สิ่งที่ดีข้อนึงจากการที่ได้ทำงานเกี่ยวข้องกับนิตยสารมอเตอร์ไซค์คือ คุณมีโอกาสได้สัมผัสกับมอเตอร์ไซค์หลากหลายรุ่นได้อย่างไม่จำกัด ในการเตรียมตัวสำหรับเส้นทาง US Highway 395 ภาพความหลังบางอย่างได้ผุดขึ้นในจิตใจของผม นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมอยากจะขี่รถที่ทำให้นึกถึงอดิตในช่วงปี 1950 ตัวเลือกที่ผมมีในตอนแรกคือ Harley-Davidson Road King, Kawasaki Vulcan Nomad และ Yamaha Royal Star Tour Deluxe แต่กลับกลายเป็นว่าทั้งหมดนี้ เราได้ทำการทดสอบไปเรียบร้อยแล้ว นึกถึงรถทัวริ่งเต็มขั้น ก็คงจะดูทันสมัยเกินไป จึงมาจบลงที่ Harley-Davidson FLHTI Electra Glide Standard รุ่นพื้นฐานของรถตระกูล Electra Glide ไม่มีทั้ง วิทยุเครื่องเสียง, กล่องเก็บของด้านหลัง, แฟริ่งล่าง รวมไปถึงอุปกรณ์ประดับอื่นๆ มีเพียงแฟริ่งหน้าทรงค้างคาว ทำหน้าที่ป้องกันเสียงและลมปะทะได้ดีกว่าของรุ่นอื่นๆ

 



หลังจากขี่รถปี 2005 กลับบ้าน ผมรู้สึกถึงเบาะนั่งที่ไม่ค่อยสบายนิดหน่อย กะว่าจะลองถามถึงเบาะอันใหม่แต่ไม่มีเวลาเพราะต้องเตรียมตัวที่จะออกเดินทาง แต่ทั้งนี้ก็ไม่ถึงกับเลวร้ายอะไร ถ้าหากผมจะซื้อรถคันนี้ สิ่งที่ผมต้องทำอย่างแรกคือ หั่นเจ้า Windshield ลงไปซัก 3-4 นิ้ว ของติดรถความสูงของขอบบังระดับสายตาพอดี ทำให้เกิดภาพสั่นและรู้สึกรบกวนเวลาขี่ ยิ่งถ้าหากโดนแมลงหรือฝนในตอนกลางคืนแล้วยิ่งอันตรายเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ผมชอบในรถคันนี้คือ ระยะทางต่อการเติมน้ำมัน 1 ครั้ง ทำได้ค่อนข้างดีทีเดียว อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 19.11 กม.ต่อลิตร ทำให้เดินทางได้มากกว่า 320 กม.ต่อการเติมน้ำมันเต็มถัง (ประมาณ 19 ลิตร) ฝาถังน้ำมันอยู่ตรงกลางพอดี ทำให้ไม่ต้องเอียงเติมซ้ายที ขวาที
 

เหล็กกันล้มด้านหน้า ยังสามารถใช้วางเท้าได้เมื่อเริ่มรู้สึกเมื่อยในระหว่างขี่ หรือจะย้ายเท้าไปวางที่พักเท้าหลังก้อได้ ตำแหน่งการขับขี่ค่อนข้างดีสำหัรบผม รวมถึงช่วงแฮนด์ที่สามารถใช้บังคับรถได้ดี ยางรองแท่นเครื่องช่วยให้ตัวรถค่อนข้างนิ่ง การขี่บนผิวทางขรุขระพอรับได้ การที่ไม่มีกล่องเก็บของด้านหลัง ทำให้ Electra Glide Standard คล่องตัวและควบคุมได้ง่ายกว่าพี่น้องในตระกูลเดียวกัน การมัดสัมภาระโดยยางรัดของทำได้ค่อนข้างง่าย สามารถเกี่ยวเข้ากับเหล็กจับสำหรับคนซ้อนที่อยู่ข้างเบาะและโครงเหล็กจับป้ายทะเบียนด้านหลัง เมื่อมัดสัมภาระต่างๆบนเบาะหลังแล้ว ทำให้เพิ่มน้ำหนักศูนย์ถ่วงของรถให้อยู่ตรงกลาง ผมเคยสงสัยอยู่ว่า ถ้าหากถอดกล่องเก็บของด้านหลังของรถตระกูล Dresser ออกไปแล้ว จะทำให้ความรู้สึกแกว่งๆในเวลาเข้าโค้งหายไปไหม? ไม่ครับ,, ความรู้สึกนั้นก็ยังอยู่ ถึงแม้ว่าจะถอดเอาสัมภาระออกแล้วก็ตาม กระเป๋าข้างมีระบบล็อค และกันน้ำ ซึ่งติดตั้งอยู่ใน Electra Glide ตัวอื่นๆเหมือนกัน

มือขวาของผมยังไม่สามารถใช้งานได้เต็มที่ เนื่องมาจากการผ่าตัด ทำให้ตัวล็อคคันเร่งที่ติดมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานช่วยผมได้มาก (ระบบ Cruise Control เป็นอุปกรณ์เสริม) เมื่อต้องการที่จะล็อคความเร็วในบริเวณที่ถนนเรียบและว่าง ถึงแม้ว่าในช่วงหลังผมจะเริ่มคุ้นเคยกับระบบคลัทช์ในรถปี 2006 ที่พัฒนาขึ้นอย่างมาก นุ่มขึ้นและทำให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น แต่ระบบคลัชท์แบบเก่าของรถปี 2005 คันนี้ ก็ไม่ได้รู้สึกหนักมากถึงขนาดที่จะต้องบ่น อย่างไรก้อตามผมก็ยังสงสัยอยู่ว่า ทำไม่ Harley ถึงไม่เพิ่มระบบปรับระดับความกว้างของคันเบรคหน้ามาให้ด้วยในรถปี 2006 ทั้งที่พยายามโปรโมทถึงระบบคลัชท์ที่ปรับปรุงใหม่แล้ว ระบบเบรคหลังค่อนข้างไวไปซักนิด และตำแหน่งแป้นเบรคค่อนข้างลำบากในการยกเท้าขึ้นกด

 

Electra Glide FLHTI เหมาะสำหรับคนที่ต้องการตกแต่งเจ้าตัว Dresser ตามแบบที่ต้องการ เนื่องจากไม่มีชุดเครื่องเสียงติดมาให้ แต่มีช่องว่างไว้สำหรับใส่ ลำโพง, สวิทช็ และเครื่องเล่น เตรียมไว้ให้แล้ว (ช่องใส่เครื่องเล่น เอามาใส่อย่างอื่นเช่น ถุงมือ หรือแผนที่ก็ยังได้) ช่องที่เหลืออีก 2 ช่อง ก็สามารถติดตั้งเกจวัดต่างๆ อย่าง เกจวัดรอบ, เกจวัดโวลท์ หรือที่ผมอยากได้อย่าง นาฬิกา อุปกรณ์มาตรฐานอีกชิ้นคือ ไฟสปอร์ตไลท์คู่หน้า และด้วยราคามาตรฐานของปี 2006 อยู่ที่ $15,395 (ประมาณ 615,800 บาท) ถูกกว่า Electra Glide Classic ถึง $2,400 (ประมาณ 96,000 บาท) จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจหากคุณ ไม่ต้องการฟังวิทยุ, ไม่ต้องการกล่องใส่ของด้านหลัง หรือ ยังหาคนซ้อนท้ายไม่ได้ (กล่องใส่ของด้านหลังมีเบาะพิงหลังสำหรับคนซ้อน) อุปกรณ์ที่หายไปพวกนี้ลดน้ำหนักไปได้ถึง 8.16 กก. เมื่อเทียบกับ Electra Glide Classic และยังทำให้ตัวรถดูเพรียวขึ้น คล้ายกับ Street Glide ที่เป็นรุ่นแต่งพิเศษในรูปแบบเดียวกัน

ในระยะทางเกือบ 5000 Km. ของทริปนี้ Electra Glide Standard เป็นพาหนะที่ดีเยี่ยม ให้ความสบายในเรื่องของ Windshield ซึ่งกันลมได้ดีกว่าพวก Bagger (น่าจะเป็นพวก Road King มั้งครับ: ผู้แปล) และอุปกรณ์ติดรถที่น้อยชิ้น ทำให้ไม่เทอะทะจนเกินไป ไม่พบปัญหาระหว่างการเดินทาง บริโภคน้ำมันแบบจิบๆ ไม่มีน้ำมันเครื่องรั่ว ทำให้ทริประลึกความหลังของผมจบลงด้วยดี โดยไม่ต้องพบกับรายการซ่อมระหว่างทางเหมือนในอดีต

 

สเปคของ FLHTI Electra Glide Standard 2005
ราคาโดยประมาณ (2006)

:

$15,395 (615,800บาท) สำหรับรุ่น คาบูเรเตอร์
$15,620 (624,800บาท) สำหรับรุ่น หัวฉีด
สีมาตรฐาน : สีดำ
สีพิเศษ : สีแดง หรือ น้ำเงิน (เพิ่ม $390)
ระบบเครื่องยนต์
:
ระบายความร้อนด้วยอากาศ สูบ วี 45 องศา
ระบบวาล์ว : 1 ไอดี, 1 ไอเสีย ทำงานด้วยระบบ Pushrod
ขนาดเครื่องยนต์ : 1450 cc.
ลูกสูบและช่วงชัก : 95.2 x 101.5 mm.
อัตราส่วนกำลังอัด : 8.9 : 1
ระบบจ่ายน้ำมัน : คาบูเรเตอร์ 40 mm. หรือ หัวฉีด EFI
เกียร์ : 5 ระดับ
ระบบส่งกำลัง :

สายพาน

 

Share   Like
Comments