ย้อนหลังไปในช่วงยุค 1970 หลังจาก Harley ได้เสียตำแหน่งแชมป์ในสนามแข่งให้กับรถจากเกาะอังกฤษอย่าง BSA และ Triumph ไปหลายต่อหลายครั้ง ทำให้ Harley ออกรถสำหรับใช้แข่งขันอย่าง XR750 เป็นครั้งแรกในปี 1972 ด้วยวัสดุที่ใช้ในการผลิตเครื่องยนต์ที่แตกต่างจากรถรุ่นอื่นในยุคนั้นที่ส่วนใหญ่ใช้เหล็ก แต่ XR750 ใช้อัลลอยในการผลิต ทำให้ XR750 ประสบความสำเร็จในสนามแข่ง และทำให้ชื่อของ Harley กลับมาครองสนามแข่งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

 

และกลายมาเป็นรถต้นแบบสำหรับรถที่ผลิตขึ้นมาในยุค 1980 อีกหนึ่งรุ่นคือ XR1000 ที่ออกมาในรูปทรงของ Sportster ทั่วไป แทนที่จะคล้ายกับ XR750 ที่เป็นรถแข่ง แต่ XR1000 ซึ่งผลิตมาในจำนวนจำกัดได้กลายมาเป็นรถที่นักสะสม Harley ในยุคปัจจุบันต้องการเป็นเจ้าของ และราคาได้ถีบตัวสูงขึ้นนับตั้งแต่ XR1000 คันสุดท้ายได้ถูกขายออกจาก Dealer

 

 

ปัจจุบัน Harley ได้นำเอารถต้นแบบอย่าง XR1200 ออกแสดงที่งาน International Motor Show ณ เมืองโคโลญจ์ ประเทศเยอรมัน ท่ามกลางความคาดหมายว่าจะได้เห็นรถรุ่นนี้ออกวางจำหน่ายในเร็วๆนี้ รูปทรงของ XR1200 ได้ผสานเอารูปลักษณ์ของรถแข่งทางฝุ่นอย่าง XR750 ในอดีตเข้าไว้ด้วยกันกับ Sportster ยุคปัจจุบันได้อย่างลงตัว
 

XR1200 ใช้ระบบเบรคหน้าคู่ 4 ลูกสูบของ Nissin และโช๊คหัวกลับกระบอกสีดำของ Showa พร้อมล้อแม๊คอัลลอยสีดำ ส่วนเบาะนั่งเป็นแบบเบาะนั่งเดี่ยวซึ่งตอนท้ายสามารถปรับเปลี่ยนจากตัวครอบไฟเบอร์ให้กลายมาเป็นเบาะนั่งซ้อนได้ ถังน้ำมันเรียวสไตล์ XR พร้อมลายถังแบบย้อนยุค ท่อไอเสียออกแบบมาให้กลายเป็นทรงรถสปอร์ตพร้อมปลายท่อคู่ ยางหน้าขนาด 120/70 ขอบ 18” และยางหลังขนาด 180/55 ขอบ 17” จาก Dunlop กรองอากาศด้านขวาที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของ Harley ได้หายไปอยู่ใต้ถังน้ำมัน เพื่อใช้งานร่วมกับระบบหัวฉีด EFI

Harley คาดหวังว่า XR1200 จะขยายตลาดรถแนว Sport ให้เหมือนกับรุ่นพี่ๆอย่าง XR750 และกลายมาเป็นรถที่ได้รับความนิยมอย่าง XR1000 ในอดีต ซึ่งคงจะได้เห็นรถรุ่นนี้ออกวางจำหน่ายในตลาดยุโรปเป็นที่แรก และขยายสู่ภูมิภาคอื่นทั่วโลกเร็วๆนี้