ช่วงบ่ายวันเสาร์ หลังจากได้ทราบข่าวถึงการรวมตัวกันของพี่ๆกลุ่ม Immortals ที่เรียกได้ว่า เป็นกลุ่มแรกและเป็นกลุ่มที่เป็นที่รู้จักมาอย่างยาวนานที่สุดของเมืองไทย ณ ร้านชิลด์รมณ์ย่านพระราม 5 ทาง HDP จึงขออนุญาตพี่ๆกลุ่ม Immortals เข้ามาสัมภาษณ์ถึงความเป็นมาและกิจกรรมต่างๆที่ทางกลุ่มได้ทำมาตลอดตั้งแต่ปี 1991 โดยมีพี่เอก ชิลด์รมณ์ ช่วยประสานให้ทาง HDP ได้มีโอกาสมานั่งคุยกับ พี่แดง, พี่กฤษณ์, พี่โอ๊ะ, พี่ตุ้ม และพี่เคี้ยง ในบรรยากาศเป็นกันเองก่อนการออกทริปไปจังหวัดสุพรรณบุรี ต้องขอขอบคุณพี่ๆ ทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
HDP: อยากจะทราบความเป็นมาของการก่อตั้งกลุ่ม Immortals ครับ
พี่แดง: เอาระยะเริ่มเลยนะ Harley เมืองไทยนี่ก็พวกข้าราชการขี่กัน เป็นรถที่แบบประมูลมา ประมูลจากกรมทหารบ้าง กรมตำรวจบ้างอะไรพวกนี้ ตำรวจก็มีพวก 9 แรง แล้วถ้าเป็นทหารก็พวก 12 ไซส์ 7 ไซส์ 7 แรง เรียก 12 แรง รถสีเขียวรถทหาร ประมูลมาก็มาทำกันเองใช้กันเอง ปรากฎว่าเราขี่ไม่รู้จักอเมริกาอยู่ไหนหรอก สั่งอะไหล่ไม่เป็นกัน
พี่โอ๊ะ: สมัยก่อนอะไหล่แต่ละชิ้นนี่หายากมาก หาไม่ได้ คือถ้าหาอะไหล่ไม่ได้ก็ต้องจอดทิ้งไว้เฉย ๆ หรือไม่ก็อยู่ในเข่ง อย่างเครื่องนี่อยู่ในเข่งเลย
พี่แดง: ตั้งแต่สมัยจอมพลสฤษดิ์ สั่งมา Harley นี่ สั่งมาให้กับกรมตำรวจเป็นรถนำเสด็จอย่าง 9 แรง พอจะเป็น 9 แรงนี่เป็นรถพวกอเมริกา แล้วก็มีพวกรถอังกฤษ BSA AJS ผมมาเริ่มขี่ตอนสมัยประมูลแล้ว ประมูลแล้วผมก็ไปซื้อมา คันแรกผมซื้อมาแพงมากเลยนะ ซื้อมาคันแรกนี่ หมื่นสอง เมื่อปี 2520 ตอนนั้นอยู่กรุงเทพแล้วมาซื้อไซด์คาร์พ่วงข้างอีก 3 พัน เป็นหมื่นห้า ตอนนี้ราคารถมันได้ 7 แสน ตอนนี้เค้ามาขอซื้อนะยังไม่ขายเลย เพราะมันมีประวัติ มันอยู่กับเราตั้งนาน คันแรกเลยนะ
พี่โอ๊ะ: สมัยก่อนนี่คนยังไม่รู้จักรถ Harley กันเลย เค้าไม่รู้หรอกว่ารถอะไร
พี่แดง: มันก็มีชมรมเหมือนกันเมื่อก่อนนี้เป็นชมรมพวกมอเตอร์ไซด์เก่า เค้าเรียกชมรมรถโบราณเมื่อก่อนนี้ ไม่ได้เกาะกลุ่ม ใครมีรถโบราณก็มาเฮกันที่พระรูป ทุกวันเสาร์ ทุกวันอาทิตย์อะไรแบบนี้ บ้านพี่รังสรร ดับเพลิงดุสิตอย่างนี้ สมัยก่อนเค้าแลกอะไหล่กัน เมื่อก่อนเค้าเรียกต้องเอาตับไปแลกกับอะไหล่ ต้องกินเหล้ากัน ไม่ถูกใจไม่ถูกคอก็ไม่ได้ มีตังค์ไม่ถูกคอกันไม่ได้ มีตังค์เฮ้ย ขอซื้อได้มั้ย ไม่ขาย พวกนั้นหยิ่ง ต้องถูกใจกัน กินเหล้าถูกใจกัน เมื่อก่อนอะไหล่มันหายากมาก ก็เอาง่าย ๆ ว่าจะโทรไปอเมิรกายังโทรไม่เป็นเลย จะโทรที่ไหน เพลินจิตรใช่มั้ยเมื่อก่อน สำนักงานโทรศัพท์แห่งชาติ ใกล้ ๆ ชิดลม ตรงนั้นแหละ สั่งอะไหล่กัน ต้องมีเพื่อนที่อยู่อเมริกาด้วยนะถึงจะได้
พี่โอ๊ะ: แล้วคนที่จะไปรู้จักเพื่อนที่อเมริกาก็ไม่ค่อยมี มันแคบมาก
พี่แดง: ก็จะมี อ๊อด โรงกลึง นี่นะพี่อ๊อดบ่าวาล์ว เค้ากลึงให้ในสมัยนั้น มีการแบบอะไรนะ ซ่อมไม่เสร็จก็เอารถกลับบ้านเลยนะ ข้ามคืนเดี๋ยวโดนถอดอะไหล่ เค้าเรียกตอนกัน ขโมยอะไหล่อันนี้ไป อันนี้ไป
HDP: ในยุคนั้นซ่อมกันที่ไหนครับ
พี่แดง: ถ้าเป็น Harley นี่ก็มีพี่รังสรรค์ รัตนมณเทียน ถ้าเป็นร้านค้าก็พี่อวบ ลาดพร้าว ร้านพี่อวบนี่ซ่อมเสร็จ รถจะหายไปทีละคัน เพราะจะมีลูกน้องแก ถอดอะไหล่จากคันนี้มาใส่คันนี้ เพราะอะไหล่มันหาไม่ได้ไง คันนึงต้องเสียสละเพื่อโดนถอดมาให้อีกคันนึงวิ่ง ผสมกัน นั่นคืออดีต อะไหล่เป็นทอง
HDP: หลังจากนั้นในปี 1991 ถึงได้เริ่มเกิด Immortals
พี่แดง: ปี 1991 นี่เริ่มเจริญแล้วเป็นกลุ่มเป็นก้อนละ เริ่มมีเข้ามาคันแรก ๆ ก็พวกคุณพิมล ศรีวิกรณ์ เมื่อก่อนนี้เข้ามาก็เลยรวมๆ พรรคพวก ตั้งชมรมขึ้นมาทำประโยชน์กันหน่อยดีกว่า
พี่โอ๊ะ: แล้วเค้าเป็นประธานคนแรกของกลุ่ม Immortals พี่พิมล ศรีวิกรณ์ คือพี่ติ๊ดนี่ สนธยา โพธิ์เกษ คือพี่ติ๊ดเรานี่เป็นตัวก่อตั้ง บอกว่าเฮ้ยไหน ๆ มารวมกันแล้ว ก็มาตั้งชื่อ แล้วแต่ละคนก็มา รวมๆ ประมาณซัก 20 กว่าคนนะ
พี่แดง: ผู้ใหญ่ขณะนั้น ก็พิมล ศรีวิกรณ์ พวกพี่เต่า พี่ผา พวกนายพล ชญาณิน เทพาคำ คุณแพท คุณพอล พวกนี้ ก็มีสมศักดิ์
พี่โอ๊ะ: แล้วก็มีพี่แดง อย่างพี่ยังมาทีหลังนิดนึง เพราะว่าพี่อยู่ต่างแดนไง
พี่แดง: แต่โอ๊ะมาแล้วเดือนนึงขี่ทุกวันเลยนะ ไม่เคยไม่ขี่เลย ขี่ถึงเช้า ขี่แล้วก็พระอาทิตย์ไม่ขึ้นไม่กลับบ้าน กลับไม่ถูก
พี่โอ๊ะ: เรียกว่าปี 1991 ถึงได้ก่อตั้งกันอย่างเป็นทางการ แต่ก่อนหน้านั้นก็ขี่กันมานานมากแล้ว ยาวนานมาก
พี่แดง: ก็พูดง่ายๆ ตั้งแต่ปี 1977 แล้วถึงจะมาก่อตั้งกันในปี 1991
พี่เคี้ยง: อย่างของผมขี่ปี 1993 ตอนนั้น Nostalgia ออกมาใหม่ๆ ยังแพงมาก เลยซื้อ Sportster ออกมาขี่ก่อน
HDP: แล้วชื่อ Immortals เป็นชื่อที่เอามาจากกลุ่มในต่างประเทศหรือตั้งขึ้นมาเองครับ
พี่โอ๊ะ: เราไม่ได้ตามใครเลย เราคิดของเรา เราใช้ลงคะแนนว่าใครจะเอาชื่ออะไร
พี่แดง: ตอนแรกมีชื่อ Siam Rider, Weekend Rider, White Elephant แต่ของเรานี่เราต้องให้ความหมายว่าลงชื่อยังไง บางคนก็บอก White Elephant เมืองไทยเป็นเมืองช้างนะ ช้างเผือกนะ โอเคก็รับไว้ Siam Rider อ้าวมันเหมือนสามล้อรึเปล่านี่ ไม่เอา อย่างชื่อ Immortals ตกไปแล้ว แต่เค้าให้เหตุผลว่า Harley นี่มันแข็งแรงนะ มันจะตายก็ไม่ตายซะที เอาอะไหล่มาใส่กันได้ อ้าวรถคนนั้นเสีย คนโน้นเสีย ซ่อมได้ ตายไปแป้บเดียว เดี๋ยวก็เกิดใหม่ละ เพราะมันวิ่งได้ทุกวันถ้าอยากทำจริงๆ ถ้าเป็นรถญี่ปุ่นนะพังปั๊บก็พังไปเลย ต้องซื้อเครื่องใหม่ใส่ แต่ Harley นี่ถ้ามันเสียใช่มั้ย เดี๋ยวกลึงละ เดี๋ยวใส่ละ มันวิ่งได้อีก บางคันมันอยู่ได้ถึง 100 ปี วิ่งได้เลยเป็นอมตะ เลยตั้งชื่อ Immortals
พี่โอ๊ะ: เป็นชื่อที่ทั่วโลกไม่มีใครมี คือเราไม่ได้ไปตามเพราะว่า เป็นชื่อโน้นชื่อนี้เค้ามีชื่ออยู่แล้วแล้วเราไปใช้ชื่อเค้า เราสร้างชื่อของเราใหม่เลย
HDP: ในยุคแรกจะมีพี่ๆ ที่เป็นคนก่อตั้งอยู่ประมาณกี่ท่านครับ
พี่แดง: ประมาณ 22 คน
พี่โอ๊ะ: พี่แดงจำชื่อได้หมดไหม
พี่แดง: ไม่หมดเพราะว่าบางคนนี่ก็เลิกขี่ไปแล้วเพราะมันนานมาก แล้วก็แต่ละคนนี่ผู้ใหญ่ ๆ พวกนายพลมั่ง พวกเจ้าของธุรกิจใหญ่ๆ มั่งมาขี่กัน ขี่จนได้นายพลเลย
พี่โอ๊ะ: แต่หลายคน Foundation เก่า ๆ นี่จะหายไปเยอะ มีอยู่เกินครึ่งอะนะ
พี่แดง: เมื่อก่อนมีพี่แอ๊ดคาราบาวด้วย พี่แอ๊ดก็อยู่ในกลุ่ม พิมล ศรีวิกรณ์ ญาณิณ แป้ง พี่เต่า แพท พอล นี่ก็มาทีหลังนะ แพท พอล นี่ประธานคนที่ 4 คนที่ 5 มาทีหลัง มาเข้าทีหลัง
HDP: ทุกปีจะมีการปรับเปลี่ยนของประธานใช่มั้ยครับ
พี่แดง: ดูตามความเหมาะสม เพราะว่าเราเป็นอะไรที่แบบว่าแล้วแต่สมาชิก เรานี่คล้ายๆ คอมมิวนิสต์นะ เผด็จการหน่อยๆ คือเอาไงเอากัน หมายความว่าคนอาวุโสจะพูดบอกเอางี้นะ เอางี้นะ เราก็โอเคตาม เป็นลีดเดอร์ให้เลย ไม่ต้องประชาธิปไตยมากหรอก คือเรามีซีเนียร์กันอยู่ไง ซีเนียร์เยอะของเรา ผู้ใหญ่เยอะมาก เอาไงเอากัน เค้าก็ตามกัน คล้อยกัน ไม่ค่อยขัดกัน อย่างไปเที่ยวกันนะ คือเรื่องเที่ยวเป็นเรื่องสนุกอยู่แล้วไง พอพูดยังไงก็ไปอยู่แล้ว ถ้าเรื่องไปตีกันนี่ไม่ค่อยไปหรอก
พี่โอ๊ะ: แต่เราจะมีหลักตรงที่ว่าคือเราเริ่มต้นด้วยการเที่ยวสนุกสนานเฮฮาก็จริง แต่ในนั้นมันก็แฝงไปด้วยว่าโอเค สองสามเดือนทีนึงเราจะมีการทำบุญ เลี้ยงเด็กกำพร้า ไปสร้างวัดสร้างโรงเรียนอะไรอย่างนี้
HDP: ก็จะมีกิจกรรมอยู่เรื่อยๆ
พี่โอ๊ะ: อย่างน้อยปีละ สามสี่ครั้ง อย่างน้อย ทุกปี เลี้ยงเด็กกำพร้า สร้างโรงเรียน ทำบุญวัด
พี่แดง: แล้ว Immortals ไปไหนแปลกอย่างนึงจะเป็นสัปดาห์แห่งการท่องเที่ยวหมดเลยนะ อย่างเราขับรถไปอุดรนี่ เค้าก็จัดอุดรไบท์วีค เชียงใหม่เราไปนี่ ไปทริปแรกเลยนะนี่ไปเที่ยวเชียงใหม่กัน
พี่โอ๊ะ: คือสมัยก่อนนี่กลุ่มแต่ละกลุ่มใน Biker ไม่มีกลุ่มนะ เราเป็นกลุ่มแรกในประเทศไทย เป็นการตั้งกลุ่ม Biker ที่แรก เมื่อก่อนไม่มีว่ากลุ่มโน้นกลุ่มนี้ เรานี่ตั้งกลุ่มเลย ภูเก็ตไบค์วีค Immortals ก็เป็นคนเริ่มต้น เชียงใหม่ไบค์วีค Immortals ก็เป็นคนขี่ไปกลุ่มแรก แล้วหลังจากนั้นก็ตามกันมาตลอดทั่วประเทศไทยเลย North Comets ก็พี่ชาย North Comets ก็ส่วนนึงของ Immortals ด้วย พี่ชายที่จัดงานปีนี้ก็เป็นส่วนนึงของ Immortals คือมันจะมีกลุ่มแยกออกไปหลายกลุ่ม อย่าง Commander City ของแจ้น เป็นพี่เป็นน้องกัน เมื่อก่อนเค้าเป็น Immortals อย่างพี่แอ๊ดนี่ก็เป็น Immortals อย่างพี่ชาย North Comets นี่ก็แตกสาขาจาก Immortals เป็นสาขาเป็นพี่เป็นน้องกัน คือรุ่นเก่า ๆ Patch ที่ออกมานี่ ถ้าจะดูสังเกตุ Patch Immortals Thailand นี่คือรุ่นหลัง เมื่อก่อนเค้าจะเขียนว่า Immortals Bangkok นั่นคือรุ่นแรกของ Patch จะเขียนว่า Bangkok พอรุ่นหลัง ๆ ตามมานี่เป็น Thailand
HDP: Immortals Thailand มีแบ่งเป็นหลายๆ Chapter ไหมครับ
พี่โอ๊ะ: เมื่อก่อนมี เดี๋ยวนี้ไม่มีละ เมื่อก่อนเยอะ บางทีหลายช่วงที่บางทีมันก็เงียบๆ เพราะคนมันน้อยลงหรือมันไม่หนุกอะ มันแบ่งพวกกันด้วยบางที คือเราจะไม่มีกฎเกณฑ์อะไรมากมาย เราจำไว้อย่างว่า Biker นี่ พื้นฐานมันอยู่ที่ความเป็นอิสระ กล้าพูดเลยหัวใจส่วนใหญ่ลึกๆ ของคนขี่มอเตอร์ไซด์นี่รักอิสระ ทำอะไรถ้ามีกฎเกณฑ์มากมายไม่อยู่หรอก อยากจะทำอะไรก็ทำเราสบายใจเราทำอะไรก็ทำนั่นคือพื้นฐานหลักของ Biker ชอบเดินทาง ชอบผจญภัย รักอิสระชอบท่องเที่ยว นี่คือหลัก ๆ ของ Biker ถ้ามองให้ลึกนะจริงๆ แล้วจริงรึเปล่า ถ้าเกิดเราไปตั้งกฎเฮ้ยมึงจะต้อง อย่างงี้ อย่างงี้ อยู่ไม่ได้หรอก อันนี้หลักๆ เลย เราถึงบอกว่าตามสบาย แต่มันก็มีผลเสียเหมือนกัน ส่วนเรื่องการขี่อันนี้อย่างนึงที่เราเน้นก็คือว่าอย่าไปทำให้สังคมเค้าเดือดร้อน ขี่ไปไหนไปรบกวนให้เค้ารำคาญ ขี่รถเสียงดัง ไปกินเหล้าเมา อาละวาดเค้าเรายิ่งใหญ่ กลุ่มเราคนเยอะ อันนี้ไม่ได้ อันนี้กลุ่มพี่ๆ ที่มาดูแลนี่ต้องคอยกำราบ แต่เราคุมกันอยู่
HDP: สำหรับทริปประทับใจ
พี่โอ๊ะ: เราจะไม่เน้นในปริมาณนะ เราเน้นเรื่องว่าการขี่ไปนี่จะเน้นว่าความแน่นแฟ้นของกลุ่มพวกเรา กลุ่มที่ไปเยอะไม่สนุกก็มี กลุ่มที่ไปไม่กี่คันแต่สนุกสนานแน่นแฟ้นเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวนี่ก็เยอะ แต่สรุปแล้วเราไปที่ไหนเราสนุกตลอดเฮฮาๆ กัน อย่างนึงที่อยากจะฝากเน้นลงไปในเว็บไซด์เลยว่า อยากให้กลุ่มมอเตอร์ไซด์ทุกกลุ่มนี่มีมิตรภาพซึ่งกันและกัน อย่าไปแบ่งแยกว่าเฮ้ยมึงกลุ่มนี้ มึงกลุ่มนี้ นี้เล็กกว่ากลุ่มนี้ นี่ใหญ่กว่ากลุ่มนี้ ไอ้คนใหญ่เบ่งกล้ามได้ ไอ้คนเล็กเดินจ๋อย คือทุกคนต้องเป็นพี่เป็นน้องกันหมด เจอหน้าทักทายกันหมด อยากให้เน้นลงไปในเว็บไซด์ อันนี้สำคัญนะ เพราะอะไรผมเห็นเปรียบเทียบระหว่างต่างแดนกับที่นี่ จุดเด่นของพวกเรานี่คือความเป็นมิตรภาพ ไปที่ไหนเห็นใครลำบากดูแล เจอหน้าทักทายไม่รู้จักก็ยกมือทักทายกัน ยิ้มแย้มให้กัน นี่อยากให้เน้นตรงนี้ให้ Biker
พี่เคี้ยง: จริงอยู่บางกลุ่มอาจจะมีตัวแบ่งแยก กูร่ำรวย กูเศรษฐี พ่อกูใหญ่ เดินเบ่งก้ามสูบซิก้าตลอด แต่ปล่อยเค้าไป
HDP: ปัจจุบันนี้มีสถานที่ที่แบบนัดเจอกันเป็นประจำไหมครับ
พี่โอ๊ะ: เรายังไม่มีคลับเฮ้าส์ เป็นที่ประจำ แต่เราจะไปเรื่อย ส่วนใหญ่ไปที่บ้านกัน ที่ลาดพร้าว 64 ไปปาร์ตี้กันบ่อยมาก บ่อยจนข้างบ้านเขียนมาขอเพลงทุกคืน เหน็บเขียนเพลงใส่กระถางต้นไม้แล้วโยนมา ใส่กระถางต้นไม้แล้วโยนมาขอเพลงหน่อยครับ ปัจจุบันนี่ก็มีไปจัดปาร์ตี้กัน บ้านพี่เล็ก คาราบาวบ้าง บ้านพี่แดงบ้าง ไปกันเรื่อย
HDP: ออกทริปกันบ่อยไหมครับ
พี่โอ๊ะ: บ่อย บ่อยมาก แต่ช่วงนี้เราเบาไปนิดเพราะว่าหน้าฝน พอเดือนหน้าเริ่มแล้วละ
HDP: กับการเข้าร่วมงานไบค์วีคในปัจจุบัน
พี่โอ๊ะ: ไปบ่อยมาก จะไม่พูดว่าทุกงานแต่ถือว่าบ่อยมาก ตอนนี้มันกว้างเยอะมากขึ้น แล้วก็กลุ่มเยอะมากมายมหาศาล แต่คือรถญี่ปุ่นบางทีเราไม่ได้ไปคลุกคลี มันเหมือนเป็นการแบ่งแยกระหว่าง Harley กับรถญี่ปุ่น ความรู้สึกเราไม่อยากให้ตัวนี้เกิด จะทำยังไงที่จะทำให้มันกลมกลืนกันได้ อย่างน้อยเจอหน้าทักทายกันอย่างงี้
พี่แดง: เราอยากไปหาเค้า แต่เค้าไม่กล้ามาหาเรา เค้าคิดไปเองนะ
พี่โอ๊ะ: อันนี้ผมเที่ยวมา 2 ปีกว่านี่ feedback มากเลยคือเค้านี่ไม่กล้ามาหาเรา เหมือนกับว่าเค้าเด็กกว่า แต่อันนี้ก็จริงส่วนมากจะเป็นรุ่นเด็กๆ ทั้งนั้นเลย แต่ในใจจริงพวกเรานี่เราเปิดเลย ใครเข้ามาทักทาย ถ้ามาถามราคาเท่าไหร่ รถรุ่นไหน เวลาไปเที่ยวนี่เค้าก็คุยกันทุกคน ทักทายเค้าตลอด รู้จักไม่รู้จัก ทักทายเค้าตลอด เมื่อก่อนมันแก่มากไงไปถามมันนึกว่าผู้ใหญ่มันกวนไม่กล้าถาม เดี๋ยวนี้ได้ละ เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ละ ไอ้คนที่แบบสูบซิการ์ บรั่นดียืนเบ่งกล้าม คนพวกนี้จะค่อยๆ เฟดหายไปเอง คนพวกนี้มันหายไปเองเลยโดยอัตโนมัติ แล้วในกลุ่มพวกเรานี่ในอดีตนะยอมรับว่าก็มีเยอะ แต่ตอนนี้สังคมมันเปลี่ยนไปแล้ว เราต้องเข้าให้ได้กับทุกกลุ่ม ทุกฐานะ ซ้ายสุด ขวาสุด สูงสุด ใต้สุด ต้องคบให้ได้ แล้วมีเพื่อนทั้งนั้น
พี่แดง: ส่วนมากที่มาต้องขี่ญี่ปุ่นก่อนใช่มั้ย ไม่ใช่เกิดมาปุ๊บซื้อ Harley เลย ขี่ไม่เป็นหรอก ต้องขี่ยามาฮ่า ฮอนด้า อาร์เอ็กซ์ก่อนใช่มั้ย ถึงจะมาขี่ Harleyได้ ศึกษาก่อน เราให้ข้อมูลเค้าไปนะ อย่างน้องคนนี้มีคนนึงอะ ผมไปอุเทนถวายทุกปีนะ เค้าวิ่งตามตลอดเลย พี่ซื้อที่ไหนครับ ซื้อที่ไหนครับ แต่ตอนนี้มีรถมากกว่าผมอีก ก็เฮียเคี้ยงเนี้ยแหล่ะ ต้องให้ความร่วมมือกับเด็ก ๆ ด้วย
พี่ตุ้ม: คนขี่รถญี่ปุ่นทุกคนมันก็ใฝ่ฝันว่าซักวันจะมี Harley
พี่เคี้ยง: ผมเองก็ขี่ยามาฮ่ามาก่อน เดี๋ยวเค้าก็ต้องเปลี่ยน โดยพื้นฐานแล้วเราเป็นวัยเรียนจบใหม่ๆ เราไม่มีตังค์ เราก็ต้องอาศัยว่าด้วยความที่เรารักมอเตอร์ไซด์เราก็ขี่รถญี่ปุ่นไปก่อน มันต้องมาเป็นขั้นอยู่แล้วละ ซ้อมรวยนะ
พี่แดง: เค้าบอกไม่มีปัญญาหรอก ผมก็บอกซักวันนึงมันต้องมี เหมือนพี่เมื่อก่อนพี่ก็ไม่มีตังค์ ต้องเก็บเงินซื้อนะถ้าอยากได้ พอมีแล้วอยากได้อีกคันละ เป็นกิเลศ ถ้าขี่ Harley แล้วมันหยุดไม่ได้
พี่เคี้ยง: ตื่นมาเช็ดรถก็มีความสุขแล้ว กินกาแฟแล้วไปเช็ดรถเช้า ๆ
พี่โอ๊ะ: เด็กรุ่นใหม่ก็เหมือนกันไม่ใช่ว่าขี่ฮาร์เล่ย์แล้วต้องยิ่งใหญ่ ไม่จำเป็น ใหญ่ได้เล็กไม่ลงนี่ไม่ถูก ใหญ่ได้ต้องเล็กได้ด้วย มันถึงจะเข้ากับเค้าได้ไปที่ไหนก็สบายใจ แล้วถ้าเรารู้จักคำว่ามิตรภาพ ชีวิตมันก็มีความสุข ไปที่ไหนก็มีความสุข เจอเพื่อเจอฝูงทักทายกัน น้ำมันหมดแล้วที่เหลือดูแลกันได้ พวกเรามีเกือบทุกจังหวัด ทั่วประเทศไทยนะตอนนี้
HDP: มองแนวโน้มคนใช้รถ Harley ในปัจจุบัน
พี่แดง: มากขึ้นแน่นอน มากขึ้นกว่าเก่าเยอะมาก เรื่องราคารถนี่ Harley นี่ราคาไม่ตกนะ ตกน้อยมาก วันนี้คุณซื้อ 3 แสนใช่มั้ย อีกสิบปีข้างหน้านี่ก็ราคา 3 แสน เพราะต่ำกว่า 3 แสนไม่ใช่ Harley ละ มาตรฐานคือ 3 แสนบาท 3 แสนบาทรถต้องซ่อมนะ 4 แสนโอเค 5 แสน พวกรถแพง ๆ เราไม่ว่ากัน พวกเป็นล้านนี่แต่งเยอะ โอเคต้องตก รถ Standard นี่อย่างราคาซัก 7 แสนรุ่นใหม่ ๆ นะ อีกสิบปีข้าหน้าก็ขายได้ 6 แสน 7 แสนกว่านี่แหละ ราคาไม่ตก ถ้าเป็นรถญี่ปุ่นนะ ไม่ว่ากันนะ ตกไปที 20% ขับปั๊บออกจากร้านนี่ก็ตกละ 10% แต่ Harley นี่ไม่เคยตก
HDP: ในกลุ่มมีรถประเภท Bobber หรือ Custom Bike บ้างไหมครับ
พี่โอ๊ะ: มีๆ แต่ตัวพี่เองนี่ไม่มี เพราะว่าบางทีพวกนี้เราขี่ทางไกลเราไม่ไหวหรอกอายุมากขึ้นแล้วไง เราก็พยายามจะ ไม่ใช่แก่นะแต่มากขึ้น ไม่ใช่แก่
HDP: ส่วนใหญ่ก็เลยเน้นขี่ออกทริปซะมากกว่า
พี่โอ๊ะ: ใช่ เพราะเราชอบสนุกชอบออกเดินทาง มันสนุกกว่ากันเยอะตอนออกเดินทาง เราก็พยายามรักษาตัวเราหน่อย ขี่อะไรที่มันสบายหน่อย ไม่เหนื่อยมาก ไปถึงแล้วยังมีเวลาได้ไปสนุกสนานไปโน่นไปนี่ได้
HDP: แล้วเคยมีอุบัติเหตุบ้างไหม
พี่โอ๊ะ: น้อยนะ น้อยมาก เปรียบเทียบกับเวลาที่ไป จำนวนครั้ง ถือว่าน้อย น้อยมาก เพราะว่าส่วนมากนี่ในกลุ่มพวกเราการรับผิดชอบหรือว่าดูแลกันนี่มันแน่นมาก แล้วก็จะต้องรับผิดชอบตัวเองไง อย่างรถเรานี่เราก็ต้องดูแลให้เรียบร้อยใช่มั้ย มันมีกฎไง กฎของกลุ่มนี่ ถ้าคุณอ่านมันจะมีกฎอยู่ ออกทริปนี่คุณต้องดูแลตัวเอง เริ่มต้นจากดูแลรถของตัวเองก่อน คุณต้องเช็คลม เช็คแบตเตอรี่ เช็คอะไรให้เรียบร้อย อย่าเป็นภาระให้กับเพื่อนฝูง แต่ถ้าคุณไม่เช็คอะไรเลย พอมาแล้วเป็นภาระ แต่อันนี้เริ่มต้นก่อน แต่จริง ๆ แล้วที่ไปนี่อุบัติเหตุก็น้อยเรื่องรถเสียก็น้อย แทบจะไม่มี
HDP: ขี่กันเร็วไหมครับ
พี่โอ๊ะ: มาตรฐาน 120-140 ก็จะมีบางกลุ่มอยากมันอะไรอย่างงี้ บางทีเรานึกอยากขอบิดฟู้ดดด 140 160 ไปซักพักนึง แล้วก็ไปชะลอข้างหน้ากัน อย่างเราวัยรุ่นอย่างงี้เราก็ 140-160 ตลอด ใช่มั้ย เกิดมาเป็นวัยรุ่น (ฮ่าๆ) พวกแก่ ๆ อยู่ข้างหลัง แล้วเราก็มีระเบียบการขี่แบบกลุ่ม อันนี้ต้องมี ทุกกลุ่มต้องมี ระเบียบการขี่ต้องมีแบบคนนำ ใครเป็นคนคอยดูแล อันนี้ธรรมดา มันยังไม่เป็นรูปธรรมแต่ยังไม่ได้บอกว่าต้องอย่างงี้ ต้องอย่างงี้ จริง ๆ แล้วนี่อยากให้เป็นมาตรฐานของคนขี่รถมากกว่า เพราะบางที่เราจะไม่รู้หรอกรถใครเสีย
พี่เคี้ยง: ถ้าขี่ไป โทรศัพท์มีก็จริงแต่ตามกันไม่ได้หรอก เมื่อก่อนไม่มีโทรศัพท์ก็แย่เลยถูกมั้ย แต่การขี่นี่ถ้าสมมติว่าข้างหลังเรามองไป 100 เมตรไม่เห็นรถแล้ว หรือระยะไกลนี่เราต้องจอด พอจอดปั๊บไอ้คันหน้ามันไม่เห็นเรา มันก้จะต้องจอดตามอีก สุดท้ายแล้วเราจะรู้ว่ามีรถเสีย มันจะเป็นลูกโซ่ไง สมมติว่ารถเราเสียปั๊บ สมมติว่าเราคันที่ 8 อย่างนี้ ไอ้คันหลังมันมาเจอเรารถเสียรู้อยู่แล้ว คันที่ 7 นี่พอมองว่าเราไม่ตามมา 200 เมตรไม่เห็นรถเรา ชะลอแล้วจอด พอชะลอแล้วจอดปั๊บไม่มานี่ เบอร์ 8 ไม่มาอย่างนี้ ไอ้เบอร์ 7 จอดละ พอเบอร์ 6 มันเห็นเบอร์ 7 หายไปอีก 300 เมตร มันก็ต้องจอด ไอ้เบอร์ 4 มันจะไล่ไปถึงคันแรก ทุกคนรู้ว่ารถเสียแล้วก็ยูเทินกลับ ไอ้ตรงนี้สำคัญแต่ว่าไม่มีคนทำ ถ้าทำได้นี่คือเป็นกฎเกณฑ์ในการขับขี่ที่ดี คือไม่ต้องเป็นกลุ่มไหนหรอก แต่เหมือนเป็นมาตรฐานไว้ จะได้รู้ ตกลงกันไว้ รถเสียปุ๊บต้องจอดเลย จอด ๆ ๆ ๆ แล้วมันจะมาถึงของมันเอง เบรคไม่เกินกิโลนึง ไม่ใช่ว่าไป แล้วไอ้นี่อยู่คนเดียว เอ๋อ แล้วแม่งไม่รู้ว่าเสีย ไม่เสีย อันนี้สำคัญ
พี่แดง: แล้วถึงแยกทางใหญ่ๆนัดกันไว้ ก็ต้องรอหน่อย ซ้ายหรือขวาดี ทิ้งไว้ซักคนนึง ที่รู้ทาง
พี่โอ๊ะ: ส่วนมากจะมีบัดดี้ไงสมมติไปกันกลุ่มใหญ่ๆ 10-20 คน อย่างโอ๊ะขี่ไป เฮ้ยตุ้มเราบัดดี้กัน จับคู่กันสามสี่คน สองสามคน อะไรอย่างนี้ ถ้าคนนี้หายปุ๊บอีกคนจะต้องรู้ละ พอรู้เสร็จปุ๊บเราก็ไปบอกบัดดั้เฮ้ยเพื่อนรถเสีย มันง่ายมันไม่ยาก
HDP: เคยมีทริปแบบนานๆ ไกลๆ
พี่โอ๊ะ: ที่ไปก็ลงใต้ ภูเก็ต ลงใต้โน่นเลยไปถึงหลีเป๊ะ ไปตรัง สตูล ลงใต้อาทิตย์นึงได้มั้ง เจ็ดวันไปกัน สนุกมาก ลุยดี ขากลับม้วนเดียวจากสตูลกะถึงกรุงเทพเลย ไม่ไหวเลยต้องจอดนอนที่หัว คือพี่พึ่งกลับมาอยุ่เมืองไทยได้ 2 ปีกว่า พอมาเสร็จก็เที่ยวตลอดเลย 2 ปีเต็มนี่ ปีนี่ย่างปีที่ 3 แล้ว เที่ยวอย่างเดียวเลย ผมอยู่อเมริกา 20 กว่าปี ขี่มานานแล้วโอ๊ะขี่มาตั้งแต่ปี 1987
พี่แดง: โอ๊ะเค้าดีมาก พี่ไปเที่ยวอเมริกาจะไปขี่มอเตอร์ไซด์ เค้าเอามอเตอร์ไซด์จากเท็กซัสมาให้พี่ขี่ที่ L.A. 3 คัน ใส่ Trailer มา แล้วจาก L.A. ไปเที่ยว แกรน แคนยอน ลาสเวกัส แล้วก็ขับเข้า L.A.
HDP: เทียบอเมริกากับบ้านเรา
พี่โอ๊ะ: ในแง่ของคน การเกาะกลุ่มบ้านเราเกาะแน่นกระชับมากกว่าเยอะ ที่โน่นเป็นการรวมตัวแบบหลวม ๆ โดยหลักๆคือขี่รถเล่น จะมีกลุ่มซึ่งเกาะกันแบบ HOG กรุ๊ปอะไรอย่างนี้ เกาะกันแบบหลวม ๆ ไม่ลึกซึ้งเหมือนพวกเรา พวกเราลึกซึ้งแน่นแฟ้นกว่าเยอะ แล้วก็ช่วยเหลือดูแลกันดีกว่าเยอะ ที่โน่นนี่ถ้าไม่พูดในแง่ของคนนี่ในแง่ของภูมิประเทศแล้วเค้าน่าขี่กว่าเยอะ ทั้งถนน ทั้งอากาศ ทั้งระเบียบในการขี่ ปลอดภัยกว่ากันเยอะ แต่เราก็แก้ด้วยการว่าถ้าเราขี่ไปเป็นกลุ่มนี่มันจะ Protect ตรงนี้ได้พอสมควร ได้เยอะเลยละ ถ้าเราเป็นขบวน อย่าไปทิ้งช่วงห่างมาก ถ้าไปทิ้งช่วงห่างมาก ถ้าช่วงห่างเมื่อไหร่รถจะตัดหน้าตรงนั้น
HDP: รถยนต์ชอบถามว่าทำไมต้องขี่กันเป็นแพยาว
พี่โอ๊ะ: นั่นแหละคือความปลอดภัย เราต้องอธิบายให้เค้ารู้เลยว่า ถ้าใครมาตัดหน้าเราตลอดอย่างนี้ นั่นคือโอกาสของการเกิดอุบัติเหตุเยอะ เราต้องเกาะให้แน่นอย่าเว้นช่องไฟ ช่องไฟเมื่อไหร่รถจะตัดตรงนั้นแหละ จริงรึเปล่า เวลารถจะเลี้ยวจะอะไร เราถึงต้องเกาะกันให้แน่น แล้วความเร็วก็ไปพอสมควร เป็นการที่จะไม่ให้เกิดอุบัติเหตุได้ดีที่สุด คือการเกาะติด แต่ถ้ากลุ่มใหญ่เกินไปก็จะรบกวนชาวบ้านก็แย่ ครึ่งนึงเว้นช่องไฟหน่อย ห่างกันซัก 10 นาทีก็ได้ ใช่มั้ยจะได้ไม่รบกวนชาวบ้าน ขี่สองก็เหลือหนึ่งใช่มั้ยบางทีคู่ไปเหลือหนึ่งไปแล้วออกมาใหม่อะไรอย่างนี้ ยังไงมันก็จะมีชุดหน้าชุดเร็ว ชุดท้ายอยู่แล้ว ชุดแบบว่าห้าวๆ 180-190 อะไรก็มี
HDP: แล้วจะมีการจัดกิจกรรมของ Immortals เพิ่มเติมในอนาคตอีกหรือเปล่า
พี่โอ๊ะ: ทุกปีอยู่แล้ว เราจะจัดกันทุกปี ในกลุ่มนะ ในกลุ่มพวกเรา แต่คำว่าในกลุ่มหมายถึงว่าใครจะมาแจมก็ได้ แต่หลักๆ ก็คือว่าพวกเราจัดกัน คือด้วยเหตุผลที่ว่ากลุ่มพวกเรานี่ผู้ใหญ่เยอะ พวกข้าราชการ พวกผู้ใหญ่ที่มีธุรกิจส่วนตัว ซึ่งเวลาเค้าบางทีมันไม่ลงตัวกัน มันก็เลยบางทีเราจะไปกำหนดว่าต้องเดือนนี้ต้องวันนี้มันไม่ค่อยลงตัว หาวันลงตัวค่อนข้างจะยากหน่อย แต่ไม่ใช่ปัญหา เราก็พยายามทำ แต่กลุ่มเล็กๆ นี่ประจำเลย บ่อยมาก
หลังจากนั่งคุยกันพักใหญ่ ก็ได้เวลาเตรียมตัวออกเิดินทางของพี่ๆกลุ่ม Immortals ซึ่งจะเห็นได้ถึงระบบ Seniority ภายในกลุ่ม การขับขี่อย่างเป็นรูปแบบที่ปลอดภัย ซึ่ง HDP ได้ติดตามไปได้ระยะหนึ่ง แต่เนื่องจากเ็ป็นการขับรถยนต์ เลยไม่สามารถตามได้ทัน ่ขบวนยาวเหยียดจึงค่อยๆทิ้งห่างไปในกลุ่มรถยนต์ที่หนาแน่นอยู่ด้านหน้า จึงต้องร่ำลาทุกท่านเมื่อมาถึงเขตบางใหญ่
HDP ต้องขอขอบคุณพี่ๆทุกท่านสำหรับมิตรภาพ และให้เกียรติบอกเล่าถึงความเป็นมาของกลุ่มที่เป็นตำนานของเมืองไทย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ร่วมขี่กับพี่ๆทุกท่านในอนาคตครับ
|